โอมิครอนในเด็กแสดงอาการอย่างไร รุนแรงหรือไม่ เปิดวิธีรักษา
โอมิครอนในเด็กแสดงอาการอย่างไร รุนแรงหรือไม่ เปิดวิธีรักษา
อาการจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในเด็กเป็นอย่างไร ร้ายแรงหรือไม่ บางกรณีพบการไอคล้ายกับหมาเห่า-ผื่นขึ้น แพทย์แนะวิธีรักษา
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 บลูมเบิร์ก รายงานว่า การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กได้เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ท่ามกลางการระบาดของเชื้อโอมิครอนและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงขึ้น ทั้งยังสร้างความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยรุนแรง แม้ว่ากรณีดังกล่าวจะยังพบได้ไม่บ่อยตามอัตราส่วนติดเชื้อ นอกจากนี้ยังเกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยในโรงเรียนและผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
โควิดในเด็กพบได้บ่อยแค่ไหน ?
รายงานการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2565 นับตั้งแต่การระบาดของโอมิครอน มีรายงานผู้ป่วยเด็กเกือบ 4.5 ล้านรายในสหรัฐในช่วงเวลาเพียง 6 สัปดาห์แรกของปี โดยช่วงพีกที่สุดคือ 1.15 ล้านรายในช่วงวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาและยังอยู่ในระดับสูงมากมาจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าในปี 2564 ซึ่งส่งผลให้การรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นด้วย
โอมิครอนแสดงอาการอย่างไร
อาการของสายพันธุ์โอมิครอนคล้ายกับการติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์อื่น เช่น เจ็บคอ เหนื่อยล้า ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ไอแห้ง เลือดคั่ง และมีไข้ เป็นอาการที่พบได้บ่อย แม้ว่าอาการรับรสชาติและกลิ่นที่เพี้ยนไปจะพบได้น้อยกว่าปกติ
กุมารแพทย์รายงานว่า โอมิครอนช่วยสนับสนุนกรณีของโรคซาง ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตามฤดูกาลซึ่งนำไปสู่การอักเสบหรือบวมในทางเดินหายใจส่วนบนของเด็ก ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าผู้ใหญ่และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเป้าหมายของโอมิครอน
การวิเคราะห์ข้อมูลแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเด็กซีแอตเทิลพบว่าการพบเคสของโรคซางเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในช่วงที่มีโอมิครอน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับอัตราในเดือนก่อน
ทำไมเด็กถึงติดเชื้อมากขึ้น ?
โอมิครอน มีความได้เปรียบในการกลายพันธุ์มากกว่าเดลต้า และดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติ จึงทำให้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่อ่อนแอ
ไม่มีหลักฐานว่าโอมิครอนพุ่งเป้าไปที่เด็กมากกว่ากลุ่มอายุอื่น แต่อัตราการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่มีมากกว่า เพราะกลุ่มเด็กเข้าถึงวัคซีนได้ช้ากว่ามาก ในสหรัญและหลายพื้นที่ทั่วโลก เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่มีสิทธิรับวัคซีนโควิด และเด็ก 5 ถึง 11 ขวบ ไม่มีสิทธิได้รับเข็มกระตุ้น
การติดเชื้อโอมิครอนในเด็กร้ายแรงแค่ไหน ?
โควิดยังคงเป็นโรคที่ไม่รุนแรงในเด็กส่วนใหญ่ และยังไม่มีหลักฐานว่าโอมิครอนจะเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายลงได้ เช่นเดียวกับการติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ ความรุนแรงของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุและในผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
ทำไมเด็กจึงไม่ค่อยป่วยหนัก ?
เด็กมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติแข็งแรงกว่า ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อเชื้อโรคได้รวดเร็วกว่าผู้ใหญ่ โดยทั่วไปแล้วมักช่วยให้เด็กรับมือกับการติดเชื้อได้สำเร็จก่อนที่จะมีโอกาสแพร่ไปยังปอด ซึ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดบวมและการอักเสบที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตในผู้สูงอายุ และอาจเป็นไปได้ว่าการฉีดวัคซีนในเด็กเล็กจะช่วยเพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ
เด็กเป็น Long COVID ได้หรือไม่
มีความเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าอาการจะแตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหรือไม่ การวิเคราะห์ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์โดยนักวิจัยในประเทศสวิสเซอร์แลนด์และออสเตรเลีย พบว่าโรคโควิด-19 ในเด็กและวัยรุ่นอาจเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงน้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยมีอาการมักคงอยู่ไม่ถึง 12 สัปดาห์ ถึงกระนั้น พบว่าการศึกษาความเป็นไปได้ที่อาการเรื้อรังในเด็กมีจำกัดและตีความได้ยาก
ในบางกรณี เด็กที่ติดเชื้อไม่ได้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ “กลุ่มควบคุม” ที่ไม่ติดเชื้อเพื่อระบุว่าความเหนื่อยล้าที่เรื้อรัง ความวิตกกังวล และโรคภัยไข้เจ็บอื่น ๆ อาจเป็นผลทางอ้อมของการระบาดใหญ่ เช่น การปิดเมืองและการปิดโรงเรียน
เป็นผื่นแดง
วานนี้ (16 ก.พ.) เฟซบุ๊กเพจช่วยเหลือประชาชน Survive – สายไหมต้องรอด รายงานว่า พบคุณแม่รายหนึ่งขอความช่วยเหลือเข้ามาระบุว่า ลูกสาวอายุ 9 เดือน ป่วยมีไข้สูง 39 องศา จึงพาไปหาหมอในวันที่ 24 มกราคม 2565 แล้วพบว่าติดเชื้อโควิด จึงเข้ารับการรักษา หลังจากครบ 7 วันในวันที่ 30 มกราคม 2565 หมอแจ้งว่าหายแล้วจึงให้พากลับบ้านได้
หลังจากกลับมาได้ 10 วัน เด็กเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัว รับการรักษามาได้แล้ว 5 วัน แต่ทางโรงพยาบาลยังหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งหมอบอกได้แค้ว่าอาจเป็นเพราะโควิดหรือแพ้อะไรบางอย่าง แต่เด็กใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมอะไรใหม่ ถ้าเป็นอาการแพ้ก็น่าจะหายหลังจากกินยา แต่ทั้งฉีดทั้งกินยาก็ยังไม่หาย ทั้งยังอาการรุนแรงขึ้นทุกวัน
ทั้งนี้ ทางเฟซบุ๊กเพจได้ประสานไปยัง ผศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อขอให้ท่านช่วยประสานหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมารักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว
ไอเหมือนหมาเห่า
ขณะที่ ไทม์ออฟอินเดีย รายงานว่า นอกเหนือจากอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจแล้ว การติดเชื้ออาจส่งผลอื่น ๆ ต่ออวัยวะในร่างกายด้วย อาจทำให้เกิดอาการไม่ปกติบางอย่าง เช่น ท้องร่วงและผื่นขึ้น อย่างไรก็ตาม มีกรณีหายากเกิดขึ้น
ข้อมูลที่รวบรวมระหว่างการศึกษายังชี้ให้เห็นว่าในบางกรณี การติดเชื้อในเดเด็กอาจพัฒนาเป็นโรคซาง ซึ่งเป็นภาวะที่การติดเชื้อทางเดินหายใจที่ทำให้เกิดเสียงคล้ายหมาเห่าขณะไอ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่รวมผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ
วิธีรักษาอาการในเด็ก
ในขณะที่เด็กจำนวนมากติดเชื้อโอมิครอน มีรายงานอาการเช่นหวัดและไอ ร่วมกับอาการคล้ายไข้หวัดอื่น ๆ ดร.เชทช์ แนะนำให้เด็กดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดเวลา
แพทย์ยังแนะนำให้ใช้ยาทาระเหยบรรเทาอาการหวัด ถูบริเวณหน้าอกและหลัง โดยห้ามทาโดยตรงที่รูจมูก จะสามารถช่วยบรรเทาได้ชั่วคราว
นอกจากนี้ ตามที่แพทย์กำหนด หากเด็กมีอาการหวัด ไอ น้ำมูกไหลเป็นเวลานานกว่า 1 ถึง 2 วัน ทางที่ดีควรพาไปพบกุมารแพทย์และเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
18 February 2565
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan
Views, 1917