02 149 5555 ถึง 60

 

กลิ่นกายชายคนรัก ทำให้หญิงพักความเครียด!?

กลิ่นกายชายคนรัก ทำให้หญิงพักความเครียด!? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เผยแพร่: 26 ม.ค. 2561 12:48:00 โดย: MGR Online

บทความโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย

มหาวิทยาลัยรังสิต

เมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2549) มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อ Purfume หรือแปลเป็นไทยว่า “น้ำหอมมนุษย์” ซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้ชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในเรื่องการสูดดมรับรู้กลิ่นในระดับเหนือมนุษย์ทั่วไป เป็นผู้หลงใหลกลิ่นสาวสวยจนเป็นที่มาในการฆาตรกรรมผู้หญิงต่อเนื่องเพื่อนำกลิ่นที่ละลายอยู่ในไขมันมาผลิตเป็นสุดยอดน้ำหอมที่ทำมาจากมนุษย์

ภาพยนตร์ดังกล่าวอาจทำให้ใครหลายคนตั้งคำถามว่ากลิ่นกายมนุษย์มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดต่อมนุษย์จริงหรือไม่ และอย่างไร?

ในความเป็นจริงแล้ว กลิ่นกายมีความสัมพันธ์กับเรื่องฮอร์โมนและความเครียดต่อทั้งเพศชายและหญิง และถ้าคนในครอบครัวเข้าใจในเรื่องกลิ่นกายแล้ว ก็อาจจะสามารถช่วยบริหารจัดการบำบัดเพื่อลดความเครียดสมาชิกในครอบครัวได้

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเมื่อปี 2560 ในวารสาร Chemosensory Perception ได้สำรวจผู้ปกครองที่เป็นพ่อหรือแม่ชาวโปแลนด์ที่ผ่านการคัดกรองจำนวน 235 คน อายุระหว่าง 21 - 65 ปี กับลูกชายและลูกสาวจำนวน 367 คนอายุตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 35 ปี พบค่าเฉลี่ยว่า

“ในช่วงเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี พ่อแม่จะรู้สึกถึงกลิ่นหอมของลูกในระดับพอใจมาก มากกว่า 80% แต่หลังจากที่ลูกอายุมากขึ้น กลิ่นความหอมจะค่อยๆลดลงไป จนเมื่อเป็นวัยรุ่นคือประมาณ 14 ปีขึ้นไป ความรู้สึกถึงกลิ่นในระดับพอใจมากจะเหลือไม่ถึง 50%” [1]

ธรรมชาติของความพอใจกลิ่นลูกเมื่อยังเล็กได้สอดรับกับช่วงเวลาที่พ่อแม่ต้องใช้เวลาดูแลลูกที่ยังอ่อนแอและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่ลูกเริ่มมีกลิ่นตัวหอมลดลงเมื่อเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น ลูกส่วนใหญ่กลับต้องการมีโลกส่วนตัวถอยห่างจากพ่อแม่มากขึ้น มีความสนใจเพื่อนมากขึ้น และสนใจเพศตรงกันข้ามมากขึ้น และสุดท้ายก็นำไปสู่การมีคนรักและมีครอบครัวในที่สุด

ประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวกับกลิ่นนั้นมีอยู่ว่า “กลิ่นชายคนรัก” นั้นมีผลต่อความเครียดของผู้หญิงหรือไม่? อย่างไร?

งานวิจัยชิ้นหนึ่งในวารสารด้านบุคลิกภาพและจิตวิทยาชื่อว่า Journal of Personality and Social Psychology ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา เปิดผลรายงานการศึกษาในผู้หญิง 96 คน โดยให้ชายคู่คนรักและชายแปลกหน้าใส่เสื้อเชิ้ตที่กำหนด 24 ชั่วโมง แล้วแช่ช่องเย็นเพื่อเก็บกลิ่นเอาไว้

หลังจากนั้นให้ผู้หญิงทำการสุ่มตัวอย่างเลือกดมกลิ่น 1 ใน 3 กลิ่น (กลิ่นเสื้อจากชายคนรัก, กลิ่นเสื้อจากชายแปลกหน้า หรือ กลิ่นเสื้อที่ไม่มีชายใดสวมใส่) โดยไม่ให้ผู้หญิงดมกลิ่นทราบว่าเสื้อตัวไหนเป็นเสื้อจากชายคนรัก เสื้อตัวไหนมาจากชายแปลกหน้า และเสื้อตัวไหนที่ไม่มีใครสวมใส่

ผลการวัดโดยแบบสอบถามทดสอบเรื่องความเครียด และการวัดฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียดคอร์ติซอลจากน้ำลาย ต่อเนื่องกัน และมีการทำซ้ำ 5 และ 7 ครั้งต่อเนื่องกัน พบว่า “ผู้หญิงที่ได้กลิ่นชายคนรักความเครียดจะลดลง ในขณะที่ผู้หญิงที่ได้กลิ่นชายแปลกหน้าฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้น” [2]

บทเรียนนี้นอกจากจะทำให้ทราบว่ากลิ่นชายคนรักจะช่วยทำให้ผู้หญิงลดความเครียดแล้ว ยังทำให้ทราบจากคำสัมภาษณ์ในหลายสื่อถึงความเห็นของผู้วิจัยในกรณีที่เห็นความสามารถของผู้หญิงที่จำกลิ่นชายคนรักในการใส่เสื้อนาน 24 ชั่วโมง ด้วยว่า “ตามธรรมชาติแล้วผู้หญิงมีความสามารถในการดมกลิ่นดีกว่าผู้ชาย” [3]

อย่างไรก็ตาม ในสังคมตะวันตกที่ผู้หญิงจำนวนหนึ่งหลังมีเพศสัมพันธ์กับชายคนรักแล้ว มักจะเก็บเสื้อผู้ชายเอาไว้ก่อนที่ฝ่ายชายจะเดินจากไป หรือสวมเสื้อผู้ชายด้วยซ้ำ จากเดิมที่เข้าใจว่าผู้หญิงยึดเสื้อผู้ชายเพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น แต่งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้ทราบด้วยว่าเสื้อที่มีกลิ่นชายคนรักนั้นยังสามารถช่วยลดความเครียดในผู้หญิงได้ด้วย

ผู้วิจัยคณะนี้ยังได้สนใจที่จะศึกษาต่อไปว่าผู้ชายจะมีความรู้สึกและมีปฏิกิริยากับกลิ่นของหญิงคนรักในลักษณะเดียวกันหรือไม่? แม้จะทราบว่าคงไม่มีผู้ชายที่จะไปใส่เสื้อผู้หญิง แต่อย่างน้อยถ้าทราบว่ากลิ่นคนรักจะช่วยลดความเครียดได้ ก็ยังมีทางเลือกอื่น เช่น การนอนเคียงข้างกอดกันเพื่อให้สามารถสูดกลิ่นกายกันได้

จากงานวิจัยชิ้นนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยว่า หากผู้หญิงที่เจ็บป่วยอยู่ และอยู่ในความเครียด (ซึ่งความเครียดก็มีผลร้ายต่อแทบทุกโรคอยู่แล้ว) ดังนั้นการกอดและสัมผัสกลิ่นของชายคนรักก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้มีกำลังใจและลดความเครียดได้

อย่างไรก็ตาม กลิ่นและการสัมผัสกลิ่นของมนุษย์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน รีบดมเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำกันตั้งแต่วันนี้ เพราะความแรงของกลิ่นตัวในวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคนจะจางลงตามอายุ โดยเฉพาะเมื่อายุมากขึ้นกว่า 75 ปีขึ้นไป [4] ไม่เพียงเท่านั้นความสามารถในการดมกลิ่นของผู้สูงวัยก็จะเริ่มลดลงด้วยตั้งแต่ช่วงอายุ 60-69 ปี และส่วนใหญ่ของผู้มีอายุเกิน 80 ปีขึ้นไปความสามารถในการดมกลิ่นจะลดลงอย่างชัดเจน [5] [6]

ซึ่งถึงเวลานั้นคนที่รักกันและอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าคงผูกพันกันเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องรูปร่างหน้าตาหรือกลิ่นตามสังขารแล้ว

30 January 2561

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By STY_Lib

Views, 8171

 

Preset Colors