02 149 5555 ถึง 60

 

วัคซีนแบบพ่นจมูกกำลังมา ผลทดสอบเผยประสิทธิภาพสวูงกว่าแบบฉีด

วัคซีนแบบพ่นจมูกกำลังมา ผลทดสอบเผยประสิทธิภาพสวูงกว่าแบบฉีด

นักวิทยาศาสตร์เสนอว่า การหยุดการติดเชื้อจำเป็นต้องส่งวัคซีนไปยังพื้นที่แรกซึ่งไวรัสเข้าถึง นั่นคือจมูก โดยผลศึกษาในหนูทดลองพบว่า หนูที่ได้วัคซีนแบบพ่นจมูกกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าหนูที่ฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ

ขณะนี้มีวัคซีนแบบพ่นจมูก จำนวน 8 ชนิด อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก โดย 3 ชนิดอยู่ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ซึ่งทดสอบในกลุ่มคนจำนวนมาก

การผลิตวัคซีนกลุ่มนี้ยังดำเนินไปได้ไม่รวดเร็วนัก เนื่องจากความท้าทายในการสร้างสูตรวัคซีนที่ไม่คุ้นเคยซึ่งต้องการทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

วัคซีนพ่นจมูกสามารถป้องกันไวรัสได้หลายสายพันธุ์ตั้งแต่ต้นทาง โดยวัคซีนพ่นจมูก 3 ชนิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก อาจกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าแบบฉีด

วิวัฒนาการของโคโรนาไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ทำให้วัคซีนที่พัฒนาขึ้นในช่วงปีแรกของการระบาดใหญ่ป้องกันอาการป่วยหนักได้จริง แต่ยังกันการติดเชื้อไม่ได้ อีกทั้งขณะนี้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงสายพันธุ์ย่อยต่างๆ สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วและเชี่ยวชาญการหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้มากกว่าเดิม

ปัจจุบันการฉีดวัคซีนที่ต้นแขนสามารถป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงได้ แต่ความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นตำแหน่งและวิธีการนำวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งตอนนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนต้องการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้

การจะหยุดการติดเชื้ออย่างสมบูรณ์ จำเป็นต้องส่งวัคซีนไปยังพื้นที่แรกซึ่งไวรัสเข้าถึง นั่นคือจมูก โดยมองว่าในอนาคตประชาชนอาจพ่นวัคซีนนี้ได้เองที่บ้าน

ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า มีวัคซีนทางจมูก จำนวน 8 ชนิด อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก โดย 3 ชนิดอยู่ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ซึ่งทดสอบในกลุ่มคนจำนวนมาก แต่การผลิตวัคซีนกลุ่มนี้ดำเนินไปได้ไม่รวดเร็วนัก เนื่องจากความท้าทายในการสร้างสูตรวัคซีนที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งต้องการทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

“เรากำลังรับมือกับภัยคุกคามที่ต่างจากปี 2020” อากิโกะ อิวาซากิ (Akiko Iwasaki) นักวิทยาภูมิคุ้มกัน มหาวิทยาลัยเยล กล่าว

“หากต้องการจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ทางเดียวที่ทำได้คือผ่านการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชั้นเยื่อบุต่างๆ” (mucosal คือชั้นเนื้อเยื่อบางๆ ที่ปกคลุมผิวด้านในร่างกาย พบได้ในช่องปากและลำคอ พื้นผิวดวงตา หลอดอาหาร เป็นต้น)

อิวาซากิเปรียบวัคซีนพ่นจมูกกับยามเฝ้าประตูหน้า แทนที่จะรอให้ข้าศึกบุกเข้ามาเตรียมโจมตีอยู่ในร่างกายเรียบร้อยแล้ว

วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในรูปแบบสเปรย์พ่นจมูก จะส่งละอองเล็กๆ เข้าไปได้ถึงบริเวณไซนัส ซึ่งบางชนิด เมื่อเจอไวรัส จะเข้าไปเคลือบโปรตีนหนาม (spike protein) ของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไวรัสมักใช้จับกับเซลล์ของมนุษย์ส่วนบางชนิด อาจเติมยีนของไวรัสในรูปแบบที่ไม่อันตราย อย่างเช่น อะดีโนไวรัส และใช้ไวรัสดังกล่าวส่งยีนไปยังเยื่อบุต่างๆ ยังมีสเปรย์แบบที่ใช้การสังเคราะห์เชื้อ SARS-CoV-2 ทางชีววิศวกรรม ให้ออกมาในรูปของเชื้ออ่อนแอ หรือที่เรียกว่าวัคซีนเชื้ออ่อนแรง (live-attenuated vaccine) ซึ่งใช้กับกรณีวัคซีนหัดเยอรมัน และวัคซีนคางทูม

ขณะที่วัคซีนแบบฉีดทั่วไปจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันของเยื่อบุต่างๆ ได้ไม่ดีนัก แต่วัคซีนทางจมูกได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถกระตุ้นการตอบสนองของเยื่อบุและระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมได้ดี

ปีที่ผ่านมา นักวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) สหรัฐฯ ได้ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการให้วัคซีนทางจมูกและกล้ามเนื้อโดยใช้วัคซีน Oxford-AstraZeneca พวกเขาพบว่าหนูแฮมสเตอร์ที่ได้รับวัคซีนทางจมูกมีระดับแอนติบอดีต่อต้าน SARS-CoV-2 ในเลือดสูงกว่าตัวที่ได้รับวัคซีนทางกล้ามเนื้อ

ขณะนี้ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกำลังทดสอบการให้วัคซีนทางจมูกในการทดลองระยะที่ 1 ซึ่งจะประเมินความปลอดภัยของวัคซีนในคนจำนวนน้อย

เนื่องจากจมูกอยู่ใกล้กับสมอง สารที่พ่นเข้าทางจมูกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 วัคซีนป้องกันไข้หวัดชนิดพ่นจมูกที่ได้รับอนุญาตและใช้ในสวิตเซอร์แลนด์มีความเชื่อมโยงกับภาวะอัมพาตใบหน้าชั่วคราวหรือ Bell's palsy “ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนเริ่มกังวลเกี่ยวกับวัคซีนจมูกอยู่บ้าง” อิวาซากิ ให้ข้อมูล“ถ้าเปรียบร่างกายเป็นปราสาท การฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อจะป้องกันพื้นที่ภายในปราสาทได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามา ภูมิคุ้มกันจะป้องกันไม่ให้ยึดบัลลังก์ได้” ดร.ฌอน หลิว (Sean Liu) ผู้อำนวยการหน่วยทดสอบทางคลินิกด้านโควิด วิทยาลัยแพทย์ไอคาห์นแอตเมาต์ไซนาย (Icahn School of Medicine at Mount Sinai) นครนิวยอร์ก กล่าว

“แต่ถ้าคุณฝึกระบบภูมิคุ้มกันให้ป้องกันอยู่ที่ประตูปราสาท นั่นไม่เพียงสร้างปัญหาแก่เหล่าผู้บุกรุกที่ต้องการเข้ามาเท่านั้น แต่ยังทำให้การแพร่เข้าไปข้างในเป็นไปได้ลำบากด้วย”ขณะนี้หลิวอยู่ระหว่างทดสอบวัคซีนโควิดชนิดพ่นจมูกในระยะต้น โดยมีวิธีการผลิตคล้ายคลึงกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล นั่นหมายความว่าวัคซีนพ่นจมูกจะผลิตได้จากโรงงานเดียวกัน และอาจมีส่วนช่วยด้านการเข้าถึงวัคซีนโควิดทั่วโลกอย่างมาก

อ้างอิง: scientificamerican.com, who.int, theguardian.com

10 May 2565

ที่มา ไทยรัฐ

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 715

 

Preset Colors