02 149 5555 ถึง 60

 

สธ.เผยยารักษาโควิด “โมลนูพิราเวียร์” และ “แพกซ์โลวิด” ช่วยลดอาการรุนแรงจน-เสียชีวิต ได้ผลดี

สธ.เผยยารักษาโควิด “โมลนูพิราเวียร์” และ “แพกซ์โลวิด” ช่วยลดอาการรุนแรงจน-เสียชีวิต ได้ผลดี

กระทรวงสาธารณสุข เผย ประสิทธิผลการวิจัยยารักษาโควิด “โมลนูพิราเวียร์” และ “แพกซ์โลวิด” ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ผลดี แม้มีกลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสต่างกัน เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติวงเงินจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์สัปดาห์นี้ และนัดไฟเซอร์หารือการจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด วันที่ 12 พ.ย. ย้ำการป้องกันโรคยังสำคัญที่สุด ช่วยลดการติดเชื้อและการใช้ยารักษา

วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ แถลงข่าวยารักษาโควิด-19 โมลนูพิราเวียร์และแพกซ์โลวิด ว่า เมื่อไวรัสโควิด 19 เข้าสู่ร่างกายจะจับกับตัวรับไวรัสและเข้าสู่เซลล์ จากนั้นจะใช้เอนไซม์โปรตีเอสเพื่อเพิ่มจำนวนโปรตีนออกมาแล้วถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมจาก RNA เป็น DNA เข้าไป ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนออกมามากขึ้น ซึ่งยาที่พัฒนาขึ้นจะไปยับยั้งกระบวนการต่างๆ ของไวรัส สำหรับยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดเป็นยาชนิดรับประทาน มีกลไกการทำงานต่างกัน โดยยาโมลนูพิราเวียร์จะยับยั้งการถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะยับยั้งเอนไซม์การสร้างโปรตีนที่ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวน

สำหรับประสิทธิผลของยาทั้ง 2 ตัวนี้ จากการให้ยาโมลนูพิราเวียร์ขนาดเม็ดละ 200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 เม็ด รวม 800 มิลลิกรัม เป็นเวลา 5 วัน (40 เม็ดต่อคนในการรักษา) โดยให้จำนวน 385 คน และให้ยาหลอก 377 คน ติดตามผลในเวลา 29 วัน พบว่า ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 50% ในกลุ่มยาหลอกมีเสียชีวิต 8 ราย กลุ่มยาโมลนูพิราเวียร์ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ส่วนการให้ยาแพกซ์โลวิดขนาดเม็ดละ 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง คู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง ให้วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน (ยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดต่อคนในการรักษา) โดยให้จำนวน 389 คน และให้ยาหลอก 385 คน ติดตามผลในเวลา 28 วัน พบว่า หากได้รับยาภายใน 3 วัน นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 89% หากรับยาภายใน 5 วัน ตั้งแต่เริ่มมีอาการ ประสิทธิผลจะอยู่ที่ 85% ถือว่ายาทั้ง 2 ตัวมีประสิทธิผลช่วยไม่ให้อาการรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหนยังไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงรุนแรง

นพ.อรรถสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ จะมีการเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติงบการจัดซื้อสัปดาห์นี้ คาดว่า จะขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนำมาใช้ได้ในช่วงธันวาคม 2564 หรือมกราคม 2565 ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะมีการหารือร่วมกับบริษัท ไฟเซอร์ ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 พฤศจิากยนนี้ หากมีความก้าวหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป ยืนยันว่า จะพยายามจัดหายาที่มีคุณภาพมารักษาผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทย ให้ได้ในเวลารวดเร็ว หากทำให้ประชาชนเข้าถึงยา 2 ชนิดนี้ได้ง่าย ก็จะช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นการเข้มมาตรการป้องกันโรคสูงสุดตลอดเวลา ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง จะช่วยลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยามาใช้รักษา

9 November 2564

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 353

 

Preset Colors