02 149 5555 ถึง 60

 

รู้ให้ชัด! ก่อนฉีด‘วัคซีน ผู้ป่วยจิตเวช’ไม่ต้องหยุดยา

รู้ให้ชัด! ก่อนฉีด‘วัคซีน ‘ผู้ป่วยจิตเวช’ไม่ต้องหยุดยา

ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า ก่อนฉีด"วัคซีน"ป้องกันไวรัสโควิดในกลุ่ม"ผู้ป่วยจิตเวช" ไม่จำเป็นต้องหยุดยาทางจิตเวช เรื่องนี้ทางราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย มีข้อมูลเผยแพร่ชัดเจน

การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรู้ว่า มีอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มจิตเวช ทางราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศในเรื่องนี้ไว้ให้ทราบ

การเตรียมตัวฉีดวัคซีนสำหรับผู้ป่วยจิตเวช

รับประทานยาต่อเนื่อง และดูแลสุขภาพจิตของตนเอง

พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดนอน มีการออกกำลังกาย และ ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

แนะนำให้ผู้ป่วยกินยาจิตเวชตามปกติ ไม่ควรงดยา หรือ เพิ่มยา หรือปรับยาก่อนฉีด เพราะอาจเกิดอาการถอนยา หรือ อาการข้างเคียงได้

ยาจิตเวชปลอดภัยสำหรับการฉีดวัคซีน ยังไม่มีรายงานถึงผลกระทบระหว่างยาจิตเวชกับวัคซีน

5.หากผู้ป่วยหรือญาติกังวลใจ อาจปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เรื่องการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ทางผู้บริหารราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ยังมีคำแนะนำอีกว่า

-การติดเชื้อโรคโควิด 19 ในผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเจ็บป่วยทางจิตรุนแรง อาทิ โรคจิตเภท โรคอารมณ์สองขั้ว โรคซึมเศร้ารุนแรง เชาวน์ปัญญาบกพร่อง ออทิซึม และโรคทางจิตเวชอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย เนื่องจากการดำเนินโรคมีความซับซ้อนและรุนแรง ควรเป็นกลุ่มประชากรที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 โดยเร่งด่วน

-ส่วนผู้ป่วยจิตเวชทั่วไปอาจไม่เร่งด่วนเท่ากลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเจ็บป่วยทางจิตรุนแรง

-วัคซีนโควิด 19 หลายชนิดได้รับการยอมรับว่า มีประโยชน์มากกว่าโทษต่อผู้ได้รับวัคซีน และจนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่า โรคและยาทางจิตเวชใดมีผลกระทบต่อประสิทธิผลและความปลอดภัยของวัคซีนโควิด19

-ผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเจ็บป่วยทางจิตรุนแรง อาจมีความยากลำบากในการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 เนื่องจากขาดความรู้และความตระหนักถึงความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 รวมถึงความกังวลต่อการรับวัคซีน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ในผู้ป่วยเหล่านี้และผู้ป่วยจิตเวชทั่วไป ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรได้รับข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับประโยชน์ของการฉีดวัคซีนโควิด 19 และควรได้รับการชี้ชวนให้เข้าร่วมโปรแกรมการฉีดวัคซีน

ส่วนคำแนะนำสำหรับประชาชนในการดูแลจิตใจ ช่วงการระบาดของโรค Covid-19 ทางราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย มีคำแนะนำดังนี้

9 สิ่งควรทำ 4 สิ่งไม่ควรทำ

สิ่งที่ควรทำ

รับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข มีการใคร่ครวญไตร่ตรองไม่ใช้ความรู้สึกตัดสินจะช่วยลดความรู้สึกวิตกกังวลโดยใช่เหตุจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

ลดการเสพข้อมูล ข่าวสารการระบาดของโรคทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ หากเสพข้อมูลข่าวสารมากเกินไป จะยิ่งกระตุ้นให้คิดมาก เกิดความเครียด วิตกกังวล หวาดกลัวตื่นตระหนกมากขึ้น โดยไม่เกิดประโยชน์ในการดูแลตนเอง ครอบครัวและสังคม การเสพข้อมูล ควรเป็นไปเพื่อทราบแนวทางในการป้องกันระมัดระวัง ดูแลตนเองตามหลักอนามัย และปฏิบัติตนกับคนในสังคมได้ถูกต้องเหมาะสม

ใช้ชีวิตให้สมดุลเหมาะสมในการดูแลสุขภาพ เช่น การรับประทาน การนอน การออกกำลังกาย การป้องกันการรับเชื้อ/การแพร่เชื้อ ช่วยให้มีพื้นฐานของร่างกายที่แข็งแรง เป็นส่วนสำคัญลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงจากเชื้อไวรัสนี้

การดูแลอารมณ์ความรู้สึกในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอารมณ์เชิงลบย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น ความเศร้า ความเครียด ความสับสน ความกลัว ความท้อแท้สิ้นหวัง และความโกรธ

แนวทางดูแลอารมณ์มีดังนี้

4.1 ตระหนักและยอมรับว่า เรากำลังมีความรู้สึกตึงเครียด เศร้า กังวล กลัว หรือ โกรธ ที่เกิดขึ้นในใจ เป็นเรื่องธรรมดา การตระหนัก รับรู้และยอมรับ อารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลจิตใจที่ดี เพราะ เราได้รับรู้แล้วว่าใจเราตอนนี้มีอาการอย่างไร และกำลังต้องการการดูแล

4.2 หาสาเหตุที่ทำให้เครียด และทำความเข้าใจความเครียดที่เกิดขึ้นในใจ เช่น การทบทวนตนเองว่า เครียดเพราะอะไร กำลังกังวลอะไรในเรื่องนี้ ห่วงอะไร แล้วเขียนสิ่งที่วิตกกังวลต่างๆ ลงในกระดาษ จะช่วยให้ทราบว่า เราวิตกกังวลอะไร ต่อมาเขียนแนวทางในแก้ปัญหานั้นๆ จะช่วยให้เราได้แนวทางที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ลดการคิดวนเวียน และได้แนวทางที่ดีที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตต่อไป การทราบสาเหตุ และเข้าใจที่มาของปัญหาความเครียด ความกังวล จะช่วยให้สามารถหาทางแก้ปัญหาได้ดีขึ้น

4.3 การพูดคุยกับคนที่เราไว้ใจ เช่น เพื่อน คนในครอบครัว เป็นการช่วยลดความตึงเครียดในใจที่ดีแบบหนึ่ง และอาจได้รับวิธีในการแก้ปัญหาหรือการดูแลใจที่ดีมากขึ้น

ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังสูง! พบติดเชื้อเพิ่มอีก 3,440 ราย เสียชีวิต 38 ราย

5.การตั้งสติเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน การแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตปกติอย่างฉับพลัน ทั้งการทำงาน การเรียน การดำรงชีพ การถูกจำกัดพื้นที่ ปัญหาขาดแคลน อุปกรณ์ป้องกันความเจ็บป่วย ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด เพื่อรับมือให้ทันสถานการณ์ การตั้งสติจึงเป็นส่วนสำคัญมากในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น

6.การตั้งสติแบบง่ายๆ ที่ทำได้ทันทีเวลาเกิดความเครียด คือ การกลับมารับรู้ลมหายใจเข้า-ออก สัก 10 ครั้ง การกลับมารับรู้ลมหายใจเข้า-ออก ช้าๆต่อเนื่อง จะช่วยให้จิตใจเราสงบมั่นคงขึ้น และช่วยให้คิดแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นหางานอดิเรกที่เหมาะสม คือ งานอดิเรกที่ทำให้รู้สึกมีความสุข ผ่อนคลาย และอาจช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนในบ้านควรเป็นกิจกรรมที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

7.การสื่อสารในสังคมออนไลน์ การแชร์ การโพสต์ บทความหรือข่าวสารที่ถูกต้องทางการแพทย์ รวมถึง แนวทางดีๆในการดูแลร่างกายและจิตใจ จะเป็นประโยชน์กับคนในสังคม

8.เข้าใจความรู้สึกทุกข์ของติดเชื้อโรค Covid-19 และผู้ที่เกี่ยวข้อง การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเป็นสิ่งที่คาดการณ์และหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนมีโอกาสที่จะสัมผัส รับ และแพร่กระจายเชื้อได้ ผู้ติดเชื้อก็มีความทุกข์ใจ กังวลถึงความเจ็บป่วยที่ไม่ทราบว่าจะมีความรุนแรงถึงชีวิตหรือไม่ ควรสื่อความเห็นใจ เข้าใจ ให้กำลังใจแก่ผู้ติดเชื้อ การแสดงท่าทีรังเกียจ จะทำให้บรรยากาศในสังคมยิ่งเป็นทุกข์ หมดกำลังใจ จะส่งผลกลับมาที่จิตใจของเราเองในที่สุ

9.การส่งความใส่ใจ ความปรารถนาดี และ การช่วยเหลือดูแลกันในสังคม เป็นสิ่งที่ช่วยให้ใจของเรา คนใกล้ตัว และคนในสังคม มีความสุขมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในยามที่สถานการณ์มีความยากลำบาก และเป็นหนทางที่ทำให้ทุกคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกันได้อย่างมีพลัง

สิ่งที่ไม่ควรทำ

ไม่ควรแก้เครียดด้วยวิธีที่มีผลลบต่อร่างกาย และ จิตใจ เช่น การใช้บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดอื่นๆ มาเพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกด้านลบ เพราะจะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้กับตนเองมากขึ้น

การหาคนผิด การด่าว่ากันในสังคม เช่น ในสื่อสังคมออนไลน์ จะกระตุ้นให้เครียดโดยใช่เหตุ และ สร้างบรรยากาศทางสังคมให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น แต่ควรนำสิ่งที่ผิดเหล่านั้นมาเรียนรู้ เพื่อเป็นประโยชน์กับชีวิตเรา และคนที่เรารัก

การแสดงการรังเกียจกันในสังคม โดยเฉพาะผู้ป่วย หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อโรค Covid-19 เพราะ การแสดงท่าทีรังเกียจ จะทำให้บรรยากาศในสังคมยิ่งเป็นทุกข์ เพิ่มความรู้สึกย่ำแย่ในทุกฝ่ายรวมถึงตัวเราเองด้วย

การแชร์ การโพสต์ ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดให้กับคนในสังคม ทำให้สังคมเกิดปัญหามากขึ้น

2 June 2564

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 9347

 

Preset Colors