02 149 5555 ถึง 60

 

How to ฟื้นฟูจิตใจให้ก้าวผ่านวิกฤตได้ (อีกครั้ง)

How to ฟื้นฟูจิตใจให้ก้าวผ่านวิกฤตได้ (อีกครั้ง)

5 วิธีการรับมือกับสภาพจิตใจให้สามารถก้าวผ่านวิกฤต COVID-19

การแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้เราต้องอยู่ภายใต้ข้อปฏิบัติและมาตรการที่เข้มงวดทางสังคมที่จะต้องทำร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งส่งผลกระทบหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้ชีวิต การทำงาน เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา โดยเฉพาะผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ที่หากเรา ไม่รู้จักวิธีรับมืออย่างถูกวิธีในระยะยาว อาจสร้างบาดแผลทางจิตใจ ส่งผลให้เกิดเป็นโรคทางจิตเวชต่างๆ ตามมาได้ ข้อมูลโดย อ.นพ.กานต์ จำรูญโรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล บอก 5 วิธีการรับมือกับสภาพจิตใจให้สามารถก้าวผ่านวิกฤต ดังนี้

1. มีสติและอยู่กับปัจจุบัน

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นสิ่งแรกที่ควรทำคือการตั้งสติ ทำความเข้าใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้นั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ควรกลับมาอยู่กับปัจจุบัน รู้ทันและเปิดรับการมีอยู่ของอารมณ์ ความรู้สึก เพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ มักจะมีความคิดที่เป็นกังวลเกิดขึ้นมาเสมอ ดังนั้นการมีสติเข้าใจตัวเอง กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามาและดูว่ามีอะไรที่เราสามารถทำได้บ้างคือวิธีรับมือที่ดีที่สุด

2. ค้นพบตัวตนในมุมใหม่

หลายคนอาจจะมองว่าช่วงนี้มีเวลาว่างและอยู่กับตัวเองมากเกินไปจนจิตใจห่อเหี่ยว ไม่ค่อยได้ออกไปพบปะเพื่อนฝูงเหมือนเมื่อก่อน แต่จริง ๆ แล้วการได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นนั้นอาจทำให้เราพบเห็นตัวเอง ในมุมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น จากที่ทำอาหารไม่เป็นก็ค้นพบว่าตัวเองสามารถทำอาหารได้อร่อยแถมยังเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี หรือบางคนที่เคยคิดว่าตัวเองลดน้ำหนักไม่ได้ก็ใช้ช่วงเวลานี้ซุ่มฟิตหุ่น ออกกำลังกาย เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นทั้งรูปร่าง สุขภาพ และจิตใจ

ผิวชรากับการดูแลผิวหนังของผู้สูงวัย

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ใหญ่ รู้ไว้ให้สังเกตตัวเอง

3. ติดตามข่าวสารแต่พอดี

การเสพข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ยังเป็นเรื่องจำเป็น แต่การรับรู้ข้อมูลมากเกินไปอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลได้ ดังนั้นควรติดตามข่าวสารแต่พอดีเพื่อป้องกันการเสพสื่อมากเกินจนรู้สึกแพนิก และเลือกเสพเฉพาะแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น หน่วยงานรัฐบาลและองค์กรด้านสาธารณสุข ไม่ส่งต่อข่าวที่ได้รับมาจากในแชทแอปพลิเคชันเนื่องจากมีโอกาสเป็น Fake News สูง

4. ส่งต่อพลังใจที่สร้างสรรค์

แม้จะต้องเว้นระยะห่างทางสังคมหรือปรับพฤติกรรมการชีวิตให้เป็นแบบ New Normal แต่เราก็ยังสามารถดูแลและใส่ใจคนรอบข้างได้ด้วยการพูดคุยกับเพื่อน ๆ ผ่านแชทแอปพลิเคชัน Video Call ฯลฯ ได้ตามปกติ หรือหากเดินผ่านก็ส่งรอยยิ้มทักทายกัน โดยแนะนำว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องเครียดและเปลี่ยนไปคุยกันในเรื่องทั่วไป ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของคนรอบข้างบ้าง แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สิ่งเหล่านี้จะช่วยคลายความรู้สึกโดดเดี่ยวและบรรเทาจากความเครียดของตัวเราเองและคนรอบข้างได้

5. ปรึกษาจิตแพทย์

แน่นอนว่าในสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้ หลายคนอาจจะต้องเผชิญกับความเครียดซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นของแต่ละคนนั้นมีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน คนทั่วไป อาจจะใช้เวลาในการปรับตัวไม่นาน แต่คนที่มีปัญหารุมเร้าได้รับผลกระทบเยอะจนจัดการกับความเครียดได้ไม่ดีพอ หรือผู้ที่มีอาการทางจิตเวชอาจจำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษาและพูดคุยกับจิตแพทย์ เพื่อหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันการปรึกษาจิตแพทย์นั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะนอกจากจะช่วยรักษาสุขภาพจิตได้อย่างถูกวิธีแล้ว ยังทำให้เรารับมือกับปัญหาอื่น ๆ ได้ดีขึ้นด้วย

11 May 2564

ที่มา โพสต์ทูเดย์

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 1042

 

Preset Colors