02 149 5555 ถึง 60

 

สธ.เตือนโควิด-19 จ่อลามเข้าออฟฟิศมากขึ้น งดรับประทานอาหารร่วมกัน

สธ.เตือนโควิด-19 จ่อลามเข้าออฟฟิศมากขึ้น งดรับประทานอาหารร่วมกัน

อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงรายละเอียดพบคนติดโควิด-19 ที่โรงเบียร์ศรีราชา และสถาบันโรคทรวงอก ชี้ต่อไปในอนาคตจะพบคนติดในที่ทำงานมากขึ้น ย้ำต้องสวมหน้ากาก งดรับประทานอาหารร่วมกัน

11 มกราคม 2563 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยตอนนี้มี 58 จังหวัด ถ้าดูเป็นรายสัปดาห์ พบว่าเฉลี่ยติดเชื้อประมาณ 37-41 จังหวัด ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ภาคกลางและภาคตะวันตก ส่วนภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ติดเชื้อประปรายไม่ถึง 10 ราย และสามารถควบคุมโรคได้ดี ไม่มีการกระจายในชุมชน อย่างไรก็ตาม ขอให้คงการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต่อไป

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่โรงเบียร์ 90 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นั้นคล้ายกับสถานบันเทิงที่ จ.เชียงใหม่ โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.63 ซึ่งมีลูกค้าท่านหนึ่งมาจาก จ.ระยอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการระบาดจากบ่อนการพนัน ต่อมาลูกค้ารายดังกล่าวมีอาการป่วย วันที่ 27 ธ.ค. จากนั้นก็เริ่มพบลูกค้าและพนักงานในร้านติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. มีการจัดงานเลี้ยงให้กับพนักงาน และหลังจากนั้นก็ปิดให้บริการ ทีมสอบสวนโรคได้สอบสวนโรคและติดตามกลุ่มดังกล่าว พบการติดเชื้อต่อๆ กัน ทั้งในกลุ่มพนักงาน ลูกค้า และครอบครัว ล่าสุดมีการติดเชื้อแล้ว 52 คน ทั้งนี้ เชื่อว่าผู้สัมผัสที่อยู่ในการกักตัวตอนนี้หลายสิบคนนั้นจะมีการตรวจพบเชื้อเพิ่มเติมอีก

"การระบาดใน จ.ชลบุรี ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะศรีราชา ดังนั้น จึงมีการตรวจเชิงรุกศรีราชา 2,500 คน เกี่ยวข้องหลายกรณี รวมพบผู้ติดเชื้อ 253 คน แบ่งเป็นเกี่ยวข้องกับทั้งโรงเบียร์ 90 ที่ศรีราชา 52 คน กรณีบ่อนการพนัน 69 คน มีผู้สัมผัส 28 คน และที่อื่นๆ และหลายคนที่เป็นผู้ติดเชื้อมีการไปเที่ยวตามผับ บาร์ญี่ปุ่น ร้านนวด ดังนั้น จากนี้คือตัวอย่างของการมีกิจกรรมในสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก ไม่สวมหน้ากากอนามัย มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งหมดเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทั้งสิ้น ดังนั้น ขอเตือนหลีกเลี่ยงการไปพื้นที่เสี่ยง เพราะเมื่อเกิดการติดเชื้อฯ จะนำกลับมาติดคนที่บ้าน เช่นที่เกิดขึ้นแล้ว คือ ติดเชื้อสู่ลูก แล้วลูกก็นำไปติดที่โรงเรียนต่อ"นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีพบบุคลากรการแพทย์ที่สถาบันโรคทรวงอก ติดเชื้อโควิด-19 นพ.โอภาส กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าติดเชื้อ 2 ราย ทราบว่าเป็นสามีภรรยากัน โดยเป็นการติดเชื้อนอก รพ. จากการใช้ชีวิตประจำวัน ขณะนี้ให้กักตัวเรียบร้อยแล้ว รวมถึงเพื่อนใน รพ.ยังไม่พบว่ามีใครติดเชื้อเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาต้นตอการติดเชื้อและผู้สัมผัสว่ามีใครบ้าง ส่วนกรณีพบการติดเชื้อที่สภากาชาดก็เช่นเดียวกัน เบื้องต้นได้รับรายงานว่าติดเชื้อมาจากภายนอก ไม่ใช่การติดเชื้อจากการทำงาน

ทั้งนี้ จากข้อมูลการระบาดโควิด-19 รอบใหม่นี้ พบบุคลากรติดเชื้อจากการทำงานน้อยกว่ารอบแรกมาก โดยรอบแรกพบบุคลากรติดเชื้อจากการทำงานกว่า 180 คน ส่วนรอบนี้ยืนยันแล้วแค่กลุ่มบุคลากรที่ทำงานในสถานที่กักกันทางเลือก (ASQ) ซึ่งรายงานไปแล้ว

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า จากหลายๆ เหตุการณ์ที่มีการระบาดของโควิด-19 ในรอบนี้ ทั้งจากกรณีพนักงานช่อง 3 เจ้าหน้าที่ทางด่วน ทำให้ขณะนี้กลุ่มสถานประกอบการ ออฟฟิศต่างๆ ที่มีพนักงานจำนวนมากนั้น มีโอกาสที่จะเจอพนักงานของตัวเองติดเชื้อโผล่ขึ้นมาบ้างจากการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ขอให้สถานประกอบการต่างๆ วางมาตรการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเข้มข้นมากขึ้น

"โดยเฉพาะการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ลูกบิดประตู โรงอาหาร อาจจะไม่ต้องปิด แต่ขอให้เว้นระยะห่าง และงดการรับประทานอาหารร่วมกัน และขนมจุบจิบระหว่างทำงานในห้องทำงาน อากาศไม่ถ่ายเท เพราะเป็นช่วงที่ต้องถอดหน้ากากอนามัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อได้ ย้ำว่าหน้ากากอนามัยสำคัญมาก อย่างกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งท่านสวมหน้ากากอนามัยตลอด ตอนนั้นท่านเริ่มป่วยแล้ว แต่ก็ไม่พบว่ามีใครติดเชื้อเพิ่ม"นพ.โอภาส กล่าว

12 January 2564

ที่มา แนวหน้า

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 1023

 

Preset Colors