02 149 5555 ถึง 60

 

รมช.สธ. ไม่ฟันธงคุมโควิดอยู่ โวอาจได้หัวเชื้อผลิตวัคซีนในประเทศ

รมช.สธ. ไม่ฟันธงคุมโควิดอยู่ โวอาจได้หัวเชื้อผลิตวัคซีนในประเทศ

สธ. เปิดใจ ไม่ฟันธงเอาอยู่ รับโควิด-19 รอบนี้หนักกว่ารอบก่อน ไม่รู้กระจายไปที่ไหนบ้าง คาดได้วัคซีนจากแอสตราเซเนกากลางปีหน้า โวอาจได้หัวเชื้อนำมาผลิตวัคซีนเองในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการโหนกระแสวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” สัมภาษณ์ “ดร.สาธิต ปิตุเตชะ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงสถานการณ์โควิด-19

นายสาธิต กล่าวถึงการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า “ในที่ประชุมมีการแลกเปลี่ยนกันและเป็นการจัดการบริหาร เข้าใจว่าคนทั้งประเทศกำลังติดตาม อยากได้คำตอบว่าล็อกดาวน์หรือไม่ จะล็อกดาวน์แบบไหน จำกัดพื้นที่ และมีหลายความเห็น มุมนึงก็อยากได้ยาแรง ถ้าล็อกเลยหยุดการเคลื่อนไหว และสามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ใน 14 วันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และไปเริ่มต้นกันใหม่”

“บางคนก็เห็นพ้องต้องกัน แต่บางคนบอกไม่ได้ อีกกลุ่มใหญ่ ๆ บอกว่าการล็อกแบบตายตัว ปิดกิจการ ปิดกั้นการเดินทางจากจังหวัดสู่จังหวัด จะทำให้กระทบวิถีชีวิต กระทบเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวขึ้นมา เขาเลยคิดว่าถ้ามีวิธีการจัดการโรคระบาดได้โดยวิธีการล็อกเป็นพื้นที่ หรือล็อกตามสถานการณ์พื้นที่จะเกิดประโยชน์สูงสุด ให้กระทบกับเศรษฐกิจน้อยที่สุด”

รมช.สธ. กล่าวถึงการแบ่งโซนพื้นที่ ในการคุมการแพร่ระบาดว่า “เพื่อให้จังหวัดเขาได้รู้ อย่างเช่นสมุทรสาคร เขาเป็นไข่แดงมีการระบาดเป็นจำนวนมาก ต้องเป็นพื้นที่ควบคุมและเคร่งครัด ปิดการเดินทางของแรงงานต่างด้าว ไม่ให้คนเข้าออก รวมทั้งคนไทยเข้าออก ต้องมีการแจ้งว่าคุณมาจากที่ไหน และจะไปที่ไหนอย่างไร เวลาเกิดปัญหาจะได้ค้นหาติดตามได้ ตามหลักการสอบสวนโรค”

“นับถึงวันนี้ 27 จังหวัด และอาจเพิ่มเติมในวันนี้ด้วย สถานการณ์ที่คนตื่นตระหนก สิ่งที่เราต้องการคือความเชื่อมั่น ถ้าเราไม่ได้รับความเชื่อมั่นและร่วมมือ ต่อให้รัฐบาลหรือสาธารณสุขเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ ฉะนั้นความเชื่อมั่้นต้องมาก่อน ประชาชนติดตามข้อมูลจากศบค. หรือสาธารณสุข จะได้ชัดเจนและไทม์ไลน์การสอบสวนโรค เพื่อให้พวกเราติดตามแบบตื่นตัว แต่ไม่ถึงกับตื่นตระหนก”

พิธีกรถามว่า การระบาดครั้งใหม่ จะเอาอยู่หรือไม่ เพราะขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น นายสาธิต ตอบว่า

“คงฟันธงไม่ได้ว่าเอาอยู่หรือไม่ แต่พูดฟันธงว่าครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว ตอนเราพบหญิงสมุทรสาคร อนุมานได้ว่าเขาติดมาจากแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในช่องทางธรรมชาติ แรงงานสมุทรสาครมีจำนวนมาก ก่อนที่จะพบเขา เราไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้มีการติดต่อไปเท่าไหร่แล้ว กระจายไปตรงไหนบ้าง พอเราพบเขา ก็ตรวจคนใกล้ชิด พบผู้ติดเชื้อในวงใกล้ชิดมากขึ้น แค่นี้ไม่พอ ต้องไปตรวจเชิงรุก”

“เราก็ไปตรวจกับแรงงานต่างด้าวที่นั่น ซึ่งมีอยู่ 3-4 แสนคน เราไปตรวจแล้วพบผู้ติดเชื้อ 500 กว่าคนและมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่วันที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ใช้มาตรการซีลตรงนั้น วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ลดลง แต่ขณะเดียวกัน ไม่ได้บอกว่าจะเอาอยู่ เพราะเราทำตามข้อเท็จจริงและประสบการณ์ที่เราทำมา วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อแรงงานต่างด้าวลดลง แต่เราไม่ทราบหรอกว่าวงที่เราค้นพบ ที่ไปโผล่ใน 27 จังหวัด ที่มีความสัมพันธ์กับตลาดกลางกุ้ง ถ้าเราตรวจสอบ เรามีความมั่นใจ แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเราตรวจพบผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้สัมพันธ์กับตลาดกลางกุ้ง อันนี้น่าห่วงมาก”

“การทำผิดเรื่องขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาต้องจัดการแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้ต้องหยุดโรคก่อนแล้วค่อยไปจัดการพวกนี้ทีหลัง จัดการให้เข้าระบบ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ต้องแก้ว่าสิ่งที่จะทำให้ทุกคนเดินเข้ามาในระบบสอบสวนโรคต้องทำวิธีอะไร เพื่อให้เขามาบอกความจริง ใครติดต้องบอกว่าไปไหนมาบ้าง”

รมช.สธ. กล่าวถึงการคุมแรงงานต่างด้าว ว่า “วันนี้กระทรวงแรงงานจะไปประชุมกันหลังจากนี้ว่าจะหาวิธีอะไรจัดการกับเรื่องนี้ให้เข้ามาสู่ระบบในการสอบสวนโรคให้ได้”

สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ที่พบผู้ติดเชื้อไปเดินห้างแถวลาดพร้าว-สยาม นายสาธิตแนะนำสำหรับคนที่ไม่มั่นใจให้ไปตรวจดูว่าติดเชื้อหรือไม่

นอกจากนี้ นายสาธิต ยังชี้แจงกรณีการคัดค้านไม่ให้แรงงานเมียนมาไปพักที่โรงพยาบาลสนาม โดยกล่าวว่า กระบวนการที่ทำโรงพยาบาลสนามเป็นการคัดแยกผู้ติดเชื้อ ซึ่งไม่มีอาการ ต้องแยกออกมาเพื่อไม่ให้ไปติดคนอื่นต่อ

“วันนี้เราทำโรงพยาบาลสนามสองจุด จุดแรกตลาดกลางกุ้ง 100 เตียง เราจะไปทำที่วิทยาลัยพละอีก 500 เตียง เป้าหมายคือแยกผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว ซึ่งไม่มีอาการอะไร ไม่ต้องให้น้ำเกลือ ไม่ต้องทำอะไร ให้มาพักที่นี่เพื่อจัดการได้โดยง่าย ไม่ให้คนติดเชื้อปะปนกับแรงงานพม่าคนอื่น และเกิดแพร่ระบาดในแรงงานพม่า เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขและจังหวัดได้ร่วมกันดำเนินการ ถ้าใครตรวจเชื้อพบเราก็แยกมาตรงนี้

ส่วนเรื่องประชาชนที่ไม่ยอมรับ รัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจ เพื่อให้อยู่ร่วมกันและดูแลไม่ให้มีการแพร่ระบาดต่อ ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ตอนนี้เขาล็อกแรงงานต่างด้าวออกจากต่างจังหวัดอยู่แล้ว”

เมื่อนายสาธิตพูดถึงการล็อกแรงงานต่างด้าว พิธีกรจึงได้จังหวะถามต่อเรื่องผู้ประกอบการในสมุทรสาคร ที่ลอยแพแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งนายสาธิตตอบไปหัวเราะไปว่า “มีเออเร่อในพื้นที่”

ส่วนคำถามที่คนไทยหลายคนเฝ้ารอฟังคำตอบคือ “เราจะได้ใช้วัคซีนกันเมื่อไหร่” นายสาธิตตอบว่า ประเทศไทยได้ทำสัญญากับแอสตราเซเนกาแล้ว มีการจ่ายเงินมัดจำเพื่อให้ได้วัคซีน 26 ล้านโดส สำหรับ 13 ล้านคน

“เราจะเป็นผู้ผลิตเองด้วยซ้ำไป เขาอาจส่งหัวเชื้อมา แล้วเราผลิตในประเทศไทย คาดว่าได้กลางปีหน้า”

ส่วนสาเหตุที่ไม่สั่งวัคซีนจาก “ไฟเซอร์” เหมือนกับสิงคโปร์ ที่ตอนนี้ได้รับวัคซีนแล้ว นายสาธิตยอมรับว่า แอสตราเซเนกาให้เงื่อนไขเรื่องราคา การจัดส่ง ที่ดีกว่า แถมยังให้ตัวผลิตกับเราด้วย

“ในแง่พูดคุยสัมพันธ์ที่ดีด้วย ซึ่งผมว่าไม่เสียหาย ราคาไม่ถึง 200 บาท ขณะที่ไฟเชอร์ 600 โดยการเปรียบเทียบเงินที่เรามี ผมคิดว่าแอสตราเซเนกาก็มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้” นายสาธิตกล่าว

ปิดท้ายเรื่องปีใหม่ พิธีกรถามว่าคนไทยที่ทำงานในกรุงเทพฯ จะได้กลับบ้านหรือไม่ นายสาธิตบอกขึ้นอยู่กับสถานการณ์

“ขณะนี้ได้กลับ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้ามีการแพร่ระบาดมากก็ต้องคุม แต่คุมก็ไม่ได้คุมคนไทยทั้งหมด คุมแค่บางเรื่อง แต่กรุงเทพฯ ขณะนี้ก็ไม่ได้ล็อกทั้งหมด ล็อกเท่าที่จำเป็น ไม่ถึงกับเดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้”

25 December 2563

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 1041

 

Preset Colors