02 149 5555 ถึง 60

 

“สธ.” ชี้โควิดไทยยังระบาดแค่ระยะ 1/เตือน!อย่าชะล่าใจไม่ใส่หน้ากากฯ

“สธ.” ชี้โควิดไทยยังระบาดแค่ระยะ 1/เตือน!อย่าชะล่าใจไม่ใส่หน้ากากฯ

ย้ำผ่อนปรนระยะ 3 ทั้งปชช.-เจ้าของกิจการต้องเข้มข้นมาตรการ ระบุแม้สถานการณ์จะดีขึ้นแต่เร็วไปหากจะบอกไทยรอดแล้ว เผยไทยยังอยู่ระยะ 1 กลุ่มเสี่ยงยังต้องระวัง ไม่จำเป็นอย่าออกนอกบ้าน หน้ากากเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนไทย อย่าประมาท ใส่แค่เฟซชีลด์ไม่ใส่หน้ากากไม่รอดโควิดแน่

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.63 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่รัฐบาล ได้ผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 อนุญาตให้ดำเนินกิจการ หรือกิจกรรมบางส่วนเพิ่มเติม เช่น ขยายเวลาการจำกัดเวลาเข้า-ออกเคหะสถาน เป็น 23.00-03.00 น. ขยายเวลาปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุมเป็น 21.00 น. ให้สามารถเดินทางข้ามจังหวัดภายใต้มาตรการที่ราชการกำหนด แต่ยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก น้ำ อากาศ นอกจากนี้ ยังผ่อนปรนข้อกำหนดกิจการเสริมความงาม สนามกีฬา รวมถึงอนุญาตให้เปิดกิจการบางประเภท อาทิ สวนสัตว์ โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส สปา นวดแผนไทย ซึ่งการผ่อนปรนกิจการ/กิจกรรม จะทำให้มีผู้เข้าใช้บริการและเกิดการรวมตัวของคนมากขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่และสัมผัสเชื้อได้ ขอให้สถานประกอบการเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน สำหรับผู้เข้ารับบริการขอให้คิดถึงสุขภาพและความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดของสถานที่อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญคือสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เว้นระยะระหว่างผู้อื่น และล้างมือบ่อยๆ

ด้านนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยว่า แม้ว่าสถานการณ์ของประเทศขณะนี้จะดีขึ้นแล้วไม่เจอผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศมาสักระยะแล้ว ถือว่ามีการจัดการที่ดีในระดับหนึ่งแต่จะสรุปว่าได้กำจัดโรคภายในประเทศไปแล้วคงเร็วไป ดังนั้น จึงต้องเข้มมาตรการเดิมอยู่ อย่างไรก็ตาม หากแบ่งการแพร่ระบาดของไทยจะเป็น 3 ระยะ แต่ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระยะ 1 คือ โรคยังมีการระบาดอยู่ สำหรับการระบาดในระยะที่ 1 จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ การแพร่ระบาดระดับ 1 คือ ไม่มีผู้ป่วยหรืออยู่ในวงจำกัด ระดับ 2 เป็นการแพร่ระบาดต่อเนื่อง และระดับ 3 การแพร่ระบาดวิกฤต โดยประเทศไทยขณะนี้อยู่ในระดับที่ 1 ซึ่งมีคำถามว่าการแพร่ระบาดจากวงจำกัดจะปรับไปสู่การแพร่ระบาดต่อเนื่องต้องพิจารณาจากอะไร ก็ต้องพิจารณาจากตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 14 วัน โดยต้องพบผู้ป่วยประมาณ 5 คนต่อประชากร 1 ล้านคนต่อวัน แต่หากจะถึงขั้นวิกฤต จะต้องพบประชากรป่วย 10-15 คนต่อประชาชน 1 ล้านคนต่อวัน

ดังนั้น มาตรการเข้มป้องกันแพร่ระบาดโควิดยังต้องปฏิบัติอยู่เสมอ กลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนอ้วนฯลฯ ขอให้อยู่บ้าน หากไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน โดยกระทรวงสาธารณสุขยังคงมาตรการคงเดิม ทั้งป้องกัน ค้นหา ควบคุม และรักษา

อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ ส่วนผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีจำนวนลดลง และไม่มีรายงานต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน อาจทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความชะล่าใจละเลยการสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนช่วยกันสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าต่อไปและทำให้เป็นนิสัย อย่าพลาดหรือเผลอ เพราะหากมีผู้ป่วยหลุดรอดไปก็อาจมีการระบาดในระดับต่อไปได้ ร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น จะเป็นการสร้างเกราะป้องกันตัวเอง ลดการแพร่และสัมผัสเชื้อโควิด 19 และ โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ สิ่งที่อยากเตือนประชาชน คือ การใส่หน้ากากเฟซชิลด์ Face Shield โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ขอย้ำเตือนให้ใส่ด้วย เพราะหน้ากากเฟซชิลด์ไม่ได้ช่วยป้องกันโควิด-19ได้ ดังนั้น หากมีการแพร่เชื้อโควิด คนสวมหน้ากากเฟซชิลด์ ย่อมเสี่ยงรับเชื้อมากกว่าคนสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย

2 June 2563

ที่มา สยามรัฐ

Posted By Nitayaporn/thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 1277

 

Preset Colors