02 149 5555 ถึง 60

 

สัญญาณป่วยทางใจ ไม่ต้องอายเวลาพบแพทย์

สัญญาณป่วยทางใจ ไม่ต้องอายเวลาพบแพทย์

- สังคมยุคใหม่ที่แข่งขันสูง ระหว่างทางมักเจออุปสรรคมากมายทางความคิดที่สะสมจนกลายเป็นความตึงเครียด วิตกกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการป่วยด้านจิตใจโดยไม่รู้ตัว

ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ได้เตรียมรับมือด้วยการเปิดบ้าน ‘Let's Talk" @ Paolo Phaholyothin ศูนย์จิตเวชยุคใหม่ ทีมแพทย์พร้อมคุย เข้าใจทุกปัญหาทางใจ ณ อาคาร 4 ชั้น 5 โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน

ผศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร ในฐานะหัวหน้าศูนย์ Let's Talk บอกว่า เรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ แต่เมื่อใดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผิดหวัง สูญเสีย หรือปัญหารุนแรงหนักๆ เข้ามากระทบจิตใจ หลายคนจัดการและหาทางออกไม่ได้ ส่งผลกระทบให้เกิดอาการป่วยทางจิตใจเราสามารถสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดได้ว่า มีอาการเหล่านี้หรือไม่ 1.นอนไม่หลับ นอนมากเกินไป หรือมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งติดต่อกันนานเกินสองสัปดาห์ หรือเป็นเดือน 2.แยกตัว เก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่อยากทำในสิ่งที่เคยชอบ ไม่อยากออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง เกิดความรู้สึกไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ที่ทำงาน หรือแม้แต่อยู่บนโลกใบนี้

3.มีอาการเจ็บป่วยทางกายแบบหาสาเหตุไม่ได้ เช่น ปวดหลัง ปวดหัว ปวดท้อง ท้องอืด หรือเป็นโรคกระเพาะอาหารแบบเฉียบพลัน ร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หัวใจเต้นเร็วขึ้น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ทั้งหมดนี้ เรียกว่าเป็นภาษาร่างกายแห่งความเครียด

4.เบื่ออาหาร ไม่อยากกินอะไรจนน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว หรืออาการกินมากเกินปกติจนน้ำหนักมากขึ้น รวมถึงควบคุมพฤติกรรมการกินของตนเองไม่ได้ 5.ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ต้องทำได้ตามปกติ ความสามารถในการคิดอ่านลดลง ตัดสินใจในเรื่องธรรมดาๆ ไม่ได้

6.มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น มั่นใจในตัวเองมากเกินปกติ มีอารมณ์ครึกครื้น ไม่อยากนอน มีพลังงานสูง พูดเร็ว ทำเร็ว รวมถึงใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายเงินแบบไม่คิด และ 7.มีอารมณ์ซึม เหงา เศร้า และคิดว่าตนเองไร้ค่า สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย คิดว่าตนเองเป็นภาระ ท้อแท้ ตำหนิตัวเอง มองเห็นแต่ ข้อผิดพลาดของตัวเอง รู้สึกสิ้นหวัง หรืออาจมีความคิดอยากตาย

หากสำรวจแล้วมีอาการ 1 ใน 7 ข้อ หรือมีหลายอาการร่วมกัน ให้สงสัยเลยว่า อาจมาจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล ควรได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ด้วยการพูดคุยกับจิตแพทย์ นักจิตบำบัดหรือทานยาเพื่อรักษา

ผศ.นพ.ณัทธรกล่าวต่อว่า ขณะนี้ Let's Talk ช่วยให้การเข้ามาพบแพทย์เฉพาะทางเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ไม่จำเป็นต้องกลัวหรืออาย เนื่องจากไม่ต่างจากการพบหมอในโรคทั่วไป แต่จะเน้นทิศทางการพูดคุย รับฟังอย่างเข้าใจแบบเพื่อน ควบคู่ไปกับการแสดงความเข้าใจ ให้คำอธิบาย หรือมีกิจกรรมให้ทดลองทำ อย่างศิลปะบำบัด กิจกรรมบำบัด เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมภายในบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง

สำหรับการป้องกันอาการป่วยทางจิตใจ ผศ.นพ.ณัทธรแนะนำว่า ไม่มีใครเกิดมาเพอร์เฟ็กต์ 100% ทุกคนล้วนต้องเจอกับปัญหา หัดมองโลกในแง่ดี คิดบวก มีความสุข เห็นคุณค่าในตัวเอง ภูมิใจในหน้าที่ของตน ทั้งการเรียน การประกอบอาชีพ รู้จักกล่าวชื่นชมคนอื่น ออกไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนแลกเปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติ

หากเจอความรู้สึกด้านลบ ต้องรู้จักปลดปล่อยอารมณ์ ทั้งโกรธ เศร้า เสียใจ หรือเขียนระบายลงสมุดบันทึก ไม่แนะนำโพสต์ลงสื่อโซเชี่ยล เพราะอาจจะทำให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้นจากคอมเมนต์ต่างๆ รวมถึงการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลาไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง สำหรับคนที่ติดโลกออนไลน์ ควรจำกัดเวลาการใช้ ตั้งกฎกับตัวเองว่าควรเล่นโซเชี่ยลไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เมื่อครบแล้วให้วางทันทีแล้วไปทำกิจกรรมอื่นแทน แต่ถ้ารู้สึกทำยากไม่ไหวจริงๆ ลองเปลี่ยนไปดูคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ เช่น ดูสารคดีท่องเที่ยว ทำอาหาร งานศิลปะ แฟชั่น ความสวยความงาม เพื่อกระตุ้นให้มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

19 March 2563

ที่มา ข่าวสด

Posted By Nitayaporn/thongpet/kanchana

Views, 1269

 

Preset Colors