02 149 5555 ถึง 60

 

เทคนิคกำจัดความเครียด ท่องคาถา..อยู่กับความจริง

เทคนิคกำจัดความเครียด ท่องคาถา..อยู่กับความจริง

ความเครียดและความกังวลมักเกิดขึ้นได้กับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคนวัยเกษียณที่ต้องไม่ต้องไปทำงานแล้ว หรือแต่การเจ็บป่วยด้านสุขภาพในวัยที่อายุมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของความกดดันทางใจ ดังนั้นการทำใจเตรียมรับกับภาวะว่างเว้นจากการทำงาน ถือได้ว่าเป็นการดูแลสุขภาพจิตได้ทั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันทั้งโรคซึมเศร้า อีกทั้งทำให้คนหลัก 6 มีความสุขจากการอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ตรงกันข้ามการใช้เวลาช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับความสามารถของเรา หรือบางคนเลือกเข้าวัดปฏิบัติธรรมะ และเป็นจิตอาสาช่วยงานวัด ก็เป็นสิ่งที่ส่งเสริมสุขภาพกายใจไปทางดีงามที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แม่ชีประทิน ขวัญอ่อน นายกสมาคมสถาบันแม่ชีไทย มีคำแนะนำมาบอกกัน

แม่ชีประทิน ให้คำแนะนำว่า “เมื่อถึงวัยนี้เราต้องยอมรับกับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะเราใช้งานมานานแล้ว มันก็ต้องเสื่อมเป็นธรรมดา ทั้งนี้ อันไหนที่เรายังสามารถซ่อมได้ก็ควรไปหาหมอบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายส่วนที่ดีๆ สามารถใช้งานได้ต่อไป นอกจากการดูแลร่างกายในวัยเกษียณแล้ว การดูแลจิตใจด้วยการ “ทำใจยอมรับว่าเมื่ออายุมากขึ้น” เราไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตหรือทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนคนอายุน้อยๆ แล้ว แต่สิ่งสำคัญขอให้ท่านๆ คิดว่า กว่าจะผ่านมาถึงอายุ 60-70 ปีนั้น “เราได้ทำงานมาอย่างคุ้มค่าแล้ว” ไม่จะประกอบอาชีพไหนมาก็ตาม เพราะทุกคนนั้นล้วนมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ถ้าหากว่าเราทำงานที่สุจริตและไม่เอาเปรียบใคร สิ่งเหล่านั้นก็จะทำให้เรามีความสุข แม้ว่าที่ผ่านมาคุณตาคุณยายจะทำอาชีพเป็นคนกวาดถนน เพราะอันที่จริงแล้วมนุษย์เราสามารถหาความสุขและความเบิกบานใจได้ตามความสามารถ หรือตามอัตภาพที่เราสามารถเลี้ยงดูและช่วยเหลือตัวเองได้ค่ะ

“สำหรับคนที่ยังไม่ถึงวัยนี้ หรืออยู่ในวัยหนุ่มสาว ก็ควรเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ ไม่ใช่รอให้อายุมากและค่อยมาคิดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวตั้งแต่การรู้จักกินใช้ตามฐานะที่เรามี โดยเฉพาะคนที่เรียนและจบปริญญาตรี กระทั่งเมื่อทำงานแล้ว ถ้าเหลือกินเหลือใช้ก็ต้องรู้จักแบ่งปันผู้อื่น เพราะถ้าเรารู้จักใช้ชีวิตตามฐานะของเรา และไม่ใช้จ่ายจนเกินตัว ก็จะทำให้เราไม่ทุกข์ค่ะ ซึ่งตรงนี้ถ้าเรารู้จักการปรับตัวและการอยู่ในโลกของความเป็นจริง เมื่อเราอายุมากขึ้น เราก็จะทำใจรับการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและสุขภาพจิตได้โดยไม่เป็นทุกข์และไม่โศกเศร้าค่ะ

ทั้งนี้ หากผู้สูงวัยที่ป่วยจากโรคเรื้อรังต่างๆ เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องทำใจให้ได้ เพราะเราทำอะไรไม่ได้แล้ว ตรงกันข้ามเราต้องพอใจเมื่อเราป่วยไข้ และต้องบอกตัวเองอยู่เสมอว่ามันถึงวัยที่เราจะต้องพักแล้ว เพราะอย่าลืมว่าการทำใจนั้นจะช่วยแบ่งเบาทุกข์ลงได้ เพราะเราจะรู้สึกถึงการปล่อยวางควบคู่กันไปด้วย และอย่าลืมว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ทุกข์เมื่อป่วยไข้ ก็จะทำให้ไม่เป็นภาระ โดยการสร้างความเครียดให้กับลูกหลานที่ต้องดูแลเราๆ ท่านๆ เช่นกัน นอกจากนี้หากคนวัยเก๋าพอมีฐานะ เมื่ออายุมากขึ้นและไม่ต้องการเป็นภาระของผู้อื่น ก็สามารถเลือกใช้สถานบริการดูแลผู้สูงอายุได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีลูกหลาน ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยแบ่งความเครียดจากปัญหาสุขภาพลงได้ เพราะอันที่จริงแล้วเราต้องไม่รอให้คนอื่นมาสร้างความอบอุ่นให้กับตัวเรา แต่เราต้องทำใจของเราให้อบอุ่นเอง”

แม่ชีประทิน บอกอีกว่า สำหรับคนวัยเกษียณที่ยังแข็งแรง การหางานอดิเรกทำ โดยเฉพาะงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและผู้อื่น จะช่วยทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและไม่รู้สึกเครียด ดังนั้นเราต้องกลับมาคิดหาช่องทางว่าเราจะทำเพื่อผู้อื่นได้อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่หนัก อีกทั้งเมื่อทำแล้วตัวผู้สูงอายุเองก็ต้องไม่เครียดด้วย เช่น ถ้าเรามีความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ อาทิ กล้วยไม้ หรือไม้ประดับต่างๆ ที่มีความหมายแตกต่างกัน ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องการปลูกและการดูแลพืชให้กับผู้สูงวัยด้วยกันที่สนใจ หรือคนวัยหนุ่มสาว เป็นต้น

“สำหรับผู้วัยคนไหนที่เลือกเข้าวัด ถือศีลและนั่งสมาธิ ก็เป็นกิจกรรมที่ดีอย่างหนึ่ง และส่งเสริมให้ชีวิตดียิ่งๆ ขึ้นไป แต่ทั้งนี้อาจจะต้องเลือกสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีผู้ฝึกสอน ไม่เช่นนั้นผู้ฝึกอาจจะไม่ได้อะไร ที่สำคัญเมื่อสถานปฏิบัติธรรมนั้นๆ มีกิจกรรมทางศาสนาในด้านต่างๆ ผู้สูงอายุก็สามารถเป็นจิตอาสาโดยการช่วยทำงานได้ต่างได้เช่นเดียวกัน

ถ้าจะให้ดีนั้น การที่คนหนุ่มสาวเตรียมตัวเตรียมใจรับวัยเกษียณกันแต่เนิ่นๆ อย่างการเข้าวัดถือศีลปฏิบัติธรรม ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เช่นกัน เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่วัยรุ่นเข้าวัด ก็จะทำให้เรารู้ความจริงของชีวิตที่ว่า ที่ผ่านมานั้นชีวิตของเราไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์มันก็แค่นั้น เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง ทั้งความสุขและความทุกข์ และท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นของเรา โดยเฉพาะทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นถ้าขณะที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ในวัยหนุ่มสาวก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่น แต่ถ้าหากว่าเราเป็นคนที่มีกำลังทรัพย์ไม่มาก ก็ยิ่งไม่ต้องเป็นกังวลถ้าหากภาระสุดท้ายมาถึง ดังนั้นก็ขอใช้ชีวิตให้มีความสุขตามอัตภาพของเรา อีกทั้งการรู้กายรู้ใจของตัวเราในทุกขณะจิต ก็จะทำให้เรารับมือกับสภาวะต่างๆ ที่เข้ามาในแต่ละช่วงชีวิตได้อย่างมีความสุข”.

5 November 2562

ที่มา ไทยโพสต์

Posted By Nitayaporn/Thongpet/Kanchana

Views, 1074

 

Preset Colors