02 149 5555 ถึง 60

 

ใช้ชีวิตให้มีความสุข "ต้องรู้จักมองโลกแง่บวก

ใช้ชีวิตให้มีความสุข "ต้องรู้จักมองโลกแง่บวก

ถ้าพูดถึงฉายาเจ้าแม่รูดปรี๊ด...รูดปรี๊ด...คงไม่มีใครไม่รู้จัก คุณเป็ด-ดร.สุภี พงษ์พานิช ที่ปัจจุบันอายุอานามเข้าวัย 64 ปี แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดทำงาน เพราะหลังเกษียณจากแวดวงธนาคารชื่อดัง ก็ได้ผันตัวมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งกรรมการ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัททำสปาที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ และเจ้าตัวยังเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายแห่ง อาทิ ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ฯลฯ รวมถึงประธานศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ฯลฯ แม้จะเข้าสู่วัยหลัก 6 และยังเป็นสาวไฟแรงที่รักการทำงาน แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ละเลยในการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่เรื่องแต่งตัวให้ดูสดใสอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น เพื่อนฝูง แต่คนรุ่นลูกหลาน ก็สามารถเรียกว่า “พี่เป็ด” ได้อย่างไม่เคอะเขิน

ดร.สุภี บอกว่า “ตารางชีวิตประจำวันของเจ้าตัวนั้น นอกจากการเป็นสาวไฟแรง ทำงานเป็นกรรมการบริษัทแล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับมูลนิธิต่างๆ อีก 5 แห่งแล้ว ตลอดจนเป็นประธานศิษย์เก่าอีก 3 แห่ง อาทิ ประธานศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมฯ แล้ว แต่เจ้าตัวก็ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทุกวันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ ที่สำคัญหากภายในสัปดาห์นั้นมีวันว่างเพิ่มขึ้นมา เจ้าตัวก็จะแถมการวิ่งออกกำลังไปอีก 1 วัน เพราะมองว่าการเอกเซอร์ไซส์จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและข้อต่อ และช่วยยืดหยุ่นร่างกาย ทำให้เกิดความคล่องตัวเวลาที่เคลื่อนไหว และการออกกำลังบ่อยๆ ยังช่วยป้องกันการเดินหกล้มได้อีกด้วย

“ทุกวันนี้พี่อายุ 64 แล้วค่ะ แต่ใน 1 อาทิตย์ก็จะหาเวลาว่างออกกำลังกายให้ได้ คือเล่นเกือบทุกอย่างค่ะ โดยจะเป็นการเข้าคลาส และมีเทรนเนอร์คอยให้คำแนะนำ เล่นตั้งแต่ชกมวย บอดี้คอมแบต เต้นซุมบ้า ยกน้ำหนัก ชอบเล่นหลายๆ อย่างค่ะ ชอบออกกำลังกายหลายๆ แบบ ไม่ชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย ประโยชน์ของการออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 วัน คือ จันทร์ พุธ และศุกร์ หรือบางอาทิตย์ที่มีวันว่างขึ้นมา ก็จะให้เวลากับการวิ่งออกกำลังเพิ่มเข้าไปค่ะ คือทำให้เราแข็งแรงและช่วยทำให้การทรงตัวดี และป้องกันการหกล้มได้ด้วยค่ะ ล่าสุดพี่ไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอ หมอบอกว่ามวลกระดูกของพี่แข็งแรงเท่ากับคนอายุ 40 ปี ซึ่งตรงนี้ก็ได้มาจากการหมั่นเอกเซอร์ไซส์อยู่ตลอดเวลาค่ะ โดยเฉพาะยิ่งเข้าหลัก 6 แล้ว ก็ยิ่งต้องเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย”

เคล็ดไม่ลับสุขภาพดีอีกข้อที่เจ้าตัวขอเน้นหนักว่า ถ้าคิดได้แบบนี้ รับรองเราก็จะแก่ช้าลง อย่าง “อายุเป็นเพียงตัวเลข” เพราะอันที่จริงแล้วอายุไม่ใช่อุปสรรคในการทำสิ่งต่างๆ ที่เราชอบ เช่น การเปิดหูเปิดตาด้วยการไปท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมเชิงบวกที่เราสนใจ และในช่วงบั้นปลายชีวิตเราอยากทำอะไรก็ทำ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร และต้องสนุกกับสิ่งที่ทำ นอกจากนี้ก็จะต้องไม่ทำตัวเป็นเต่าล้านปี ที่สำคัญต้องรู้จักแต่งตัวให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา ทุกวันนี้พี่ก็ยังใส่กางเกงขาสั้นเวลาไปไหนกับลูกๆ อยู่เลยค่ะ

“ส่วนตัวพี่ชอบอยู่กับเด็กวัยรุ่น สนุกไปกับเขา ถ้าลูกชอบอะไรเราก็ไปทำร่วมกับเขา ชอบคบเพื่อนลูกค่ะ เพราะการที่เราเป็นเพื่อนกับคนอายุน้อยกว่า มันทำให้เราสดชื่นแจ่มใสกว่าคนวัยเดียวกันที่มีชีวิตซึมเศร้า ซึ่งบางครั้งคนที่อายุเท่ากับเรา เขาจะค่อนข้างมีปัญหาเยอะ นั่นไม่ได้ นู่นไม่ได้ นี่ไม่ได้ พี่ก็จะพยายามอยู่ให้ห่างไกลคนที่มีปัญหาเยอะ หรือไม่ก็จะเลือกคบคนแก่ที่สนุกสดใส ร่าเริง มีเหตุและมีผล อีกทั้งไม่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ขณะที่การดูแลจิตใจนั้น อย่างที่เขาว่ากันว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ดังนั้นการที่เราคนเราจะสุขภาพดีได้ จิตใจก็ต้องดีคิดบวกด้วย และต้องคิดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไรก็ตามเกิดขึ้นในชีวิต เราต้องสู้และอยู่กับมันให้ได้ ยกตัวอย่างบางคนที่เป็นโรคร้าย แต่ถ้าใจเราบอกว่า “สู้” คำเดียว โรคที่เป็นหายเลยนะ”

ในส่วนของการทำงานแม้วัยเข้าสู่หลัก 6 แล้วนั้น ดร.สุภี บอกว่า เหตุผลหนึ่งที่ตัวเองยังทำงานอยู่นั้น เพราะรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า คนเราไม่ว่าจะวัยไหนควรต้องหมั่น “แอคทีฟ” หรือหาอะไรต่อมิอะไรทำ เพราะไม่เช่นนั้น โรคอัลไซเมอร์จะต้องถามหาอย่างแน่นอน

“ทุกวันนี้พี่ยังทำงานอยู่เหมือนเดิมค่ะ แม้จะอายุ 64 ปีแล้ว แต่งานที่ทำก็จะไม่หนักมาก ทำแบบสบายๆ หรือเป็นงานในเชิงนโยบาย และใน 1 อาทิตย์ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน บางครั้งก็จะเข้าไปประชุมบ้าง หรือสั่งงานทางโทรศัพท์บ้าง ส่วนหน้าที่ที่เรารับผิดชอบในตอนนี้ ซึ่งอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า เป็นที่ปรึกษาให้กับมูลนิธิต่างๆ อีก 5 แห่ง ตลอดจนเป็นประธานศิษย์เก่าอีก 3 แห่ง ก็จะเป็นการนำความรู้และประสบการณ์ที่เรามีมาเป็นที่ปรึกษาให้กับเขา และคอมเมนต์ให้กับองค์กรที่รับผิดชอบค่ะ”

ดร.สุภี ปิดท้ายว่า เจ้าตัวมีลูก 2 คน และสิ่งที่อยากฝากบอกลูกๆ นั้น คือการทำตัวให้เป็นคนดี เพราะการที่เป็นคนดีจะทำให้ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ และในฐานะของคนเป็นแม่ก็ขอให้ลูกมีความสุข ซึ่งความสุขนั้นอาจจะไม่ใช่การที่มีเงินมากๆ แต่ขอให้เขามีเพื่อนที่ดี และการมีเพื่อนดีก็จะทำให้ลูกมีความสุข เมื่อนั้นคนเป็นแม่ก็มีความสุขกับลูกด้วยค่ะ”.

28 June 2562

ที่มา ไทยโพสต์

Posted By Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana

Views, 331

 

Preset Colors