02 149 5555 ถึง 60

 

ห้ามจ่ายยา-สารสกัด “กัญชา” ผู้ป่วยจิตเวช-เด็กและวัยรุ่น เพิ่มความเสี่ยงอาการทางจิต

ห้ามจ่ายยา-สารสกัด “กัญชา” ผู้ป่วยจิตเวช-เด็กและวัยรุ่น เพิ่มความเสี่ยงอาการทางจิต

จัดอบรม “หมอ-เภสัช” จ่ายกัญชา ย้ำห้ามใช้ในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช เหตุเพิ่มอาการทางจิตได้ โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น เสี่ยงโรคจิตเภทเพิ่ม 2 เท่า รวมคนขับขี่ยานพาหนะอาจเกิดอันตรายได้

นพ.บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กล่าวเรื่อง “กัญชากับสุขภาพจิต” ในการอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ รุ่นที่ 1 เมื่อเร็วๆ นี้ ว่าราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทยมีคำแนะนำเกี่ยวกับกัญชาว่า กัญชามีฤทธิ์ทำให้เสพติดได้ กัญชาไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม ยังไม่มีที่ใช้ทางการรักษาโรคทางจิตเวชในขณะนี้ ซึ่งการใช้กัญชามีฤทธิ์รบกวนการทำงานของสมอง และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการทางจิตเวชได้ เช่น หลงผิด หูแว่ว ประสาทหลอน อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า วิตกกังวล เป็นต้น โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ตั้งแต่วัยเด็กและวัยรุ่น จึงแนะนำบุคคลควรใช้กัญชาหรือสารสกัดตามข้อบ่งชี้ที่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานรับรองเท่านั้น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลของกัญชาทั้งประโยชน์และโทษ ควรระบุให้ชัดเจนว่าเป็นผลของการใช้กัญชาหรือสารสกัด หรือเป็นผลจากสารสังเคราะห์ และบุคคลทั่วไปที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ไม่ควรใช้กัญชา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนและผู้ที่มีโรคทางจิตเวช

นพ.บุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้ ราชวิทยาลัยฯ ยังมีข้อแนะนำมาตรการการลดอันตรายที่อาจนำมาใช้ผู้ที่ยังไม่พร้อมหยุดใช้กัญชา โดยลดปริมาณกัญชาที่อยู่ในตลาดมืด เพิ่มโอกาสการนำกัญชามาใช้เพื่อการรักษาในทางการแพทย์ ทั้งนี้ ข้อดีในการลดอันตรายที่เกิดจากการใช้กัญชาได้ในประเทศที่มีระบบการควบคุมที่ชัดเจนและสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ 1. การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับกัญชา เช่น ประโยชน์ ความเสี่ยงและแนวทางในการหลีกเลี่ยงอันตรายจากการใช้กัญชา 2. การให้ความรู้ ความเข้าใจถึงรูปแบบ ปริมาณที่เหมาะสม ประโยชน์ และความเสี่ยงสำหรับผู้ที่ใช้กัญชาในแง่การรักษา 3. การแนะนำให้ใช้กัญชาในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่การเผาไหม้ เพื่อลดกระทบที่เกิดกับปอด และ 4. ห้ามการใช้กัญชาในกลุ่มเยาวชน และผู้ขับขี่ยานพาหนะ เพื่อลดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการใช้กัญชา

“การใช้กัญชาอย่างสม่ำเสมอในวัยรุ่น มีความเสี่ยงการเกิดโรคจิตเภทเพิ่มเป็น 2 เท่า ความเสี่ยงจะเพิ่มเมื่อใช้ในอายุน้อย แต่ไม่อาจสรุปได้ว่ากัญชาทำให้เกิดอาการทางจิต อาจเนื่องจากกัญชาไปกระตุ้นให้เกิดอาการในกลุ่มเสี่ยง ในคนปกติอาจเกิดอาการทางจิตชั่วคราวได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง สารซีบีดีที่เป็นสารสำคัญตัวหนึ่งในกัญชา อาจจะใช้รักษาอาการทางจิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเฉพาะ” นพ.บุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.พญ.รัศมี สังข์ทอง หน่วบระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) มีการออกเอกสารเผยเพร่ ผลของการใช้กัญชาต่อจิตประสาทในเด็กและเยาวชน โดยระบุว่า เมื่อเสพกัญชาเข้าไปในระยะแรก กัญชาจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ผู้เสพมีการตื่นตัว ตื่นเต้นจากสารทีเอชซี (Tetrahydrocannabinol : THC) แต่เมื่อผ่านไป 1-2 ชั่วโมง กัญชาจะเริ่มออกฤทธิ์กดประสาท มีโอกาสเกิดสมองเสื่อมถาวร หรือเป็นจิตเภท โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีส่วนผสมกัญชาที่ต้องตรวจสอบก่อนบริโภค เช่น ลูกอม คุกกี้ เครื่องดื่ม ไอศกรีม ช็อกโกแลต หรือบุหรี่ยัดไส้

อาการที่จะเกิดขึ้นจากการเสพ คือ อารมณ์อ่อนไหว เลื่อนลอย สมองสั่งงานช้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ร่าเริงผิดปกติ รู้สึกกังวล กลัว ไม่กล้าไว้ใจใคร ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตาย ดุร้ายผิดปกติ มองเห็นภาพหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้ นำไปสู่ อุบัติเหตุ ปัญหาการเรียน ผลการเรียนตกต่ำ ขาดสมาธิในการเรียน ความสามารถในการเรียนรู้แย่ลงและมีปัญหาสุขภาพจิตหรือวิกลจริต

แหล่งข่าวในแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์เป็นเรื่องที่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ใช่ให้เสรีทั้งหมด เพราะจากข้อมูลในต่างประเทศที่มีการใช้น้ำมันกัญชาพบว่ามีผลกระทบทางด้านลบเช่นเดียวกัน เช่น ที่รัฐโคโรลาโด พบว่ามีปัญหาเด็กติดยาเสพติดเพิ่มขึ้น มีปัญหาอุบัติเหตุทางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตัวหลักคือกัญชา เพราะกัญชามีฤทธิ์ทำให้เคลิบเคล้ม สะลึมสะลือ อีกทั้งยังพบว่าการใช้ในเด็กทำให้อัตราการเติบโตของสมองช้าลง อาชญากรรมสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ในประเทศที่มีการเปิดเสรีกัญชานั้นต้องบอกว่าเป็นการเปิดเสรีภาพใต้กฎหมายที่กำหนดอายุชัดเจน มีโทษสูงมากและรุนแรงมาก แต่ปัญหากัญชาใต้ดินก็ยังมีอยู่

3 May 2562

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By ์์Nitayaporn/Bungon/Kanchana/Maneewan

Views, 5145

 

Preset Colors