02 149 5555 ถึง 60

 

วิธีฝึกสติแบบง่ายๆ เพื่อชีวิตที่ดีรับปีใหม่

วิธีฝึกสติแบบง่ายๆ เพื่อชีวิตที่ดีรับปีใหม่

“สวัสดีปีใหม่!”

ในช่วงเทศกาลแห่งความสนุกสนานและการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายคนใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยเรื่องราว ความทรงจำที่ไม่ดีทิ้งไป และใช้ช่วงเวลานี้เป็นจุดเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆที่ดีกว่าเดิม

การวางเป้าหมายให้กับตัวเองเป็นสิ่งที่น่าสนใจเสมอ เพราะอย่างน้อยเราได้แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆใหม่ๆให้กับตัวเอง แต่เพื่อให้เป้าหมายของเราสามารถลุล่วงได้ในปีใหม่นี้นั้น เราเองไม่ควรละเลยที่จะพิจารณาว่าเพราะเหตุใดเราจึงยังไม่พอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่หรือเป็นอยู่ ทั้งที่จริงๆแล้วสิ่งที่เรามีเราเป็นอยู่ในปีที่ผ่านมานั้นอาจไม่ได้แย่เลยก็ได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตัวของเราเอง คนเรามักลืมตัวตนของตัวเอง ลืมความต้องการของตัวเอง ลืมว่าความสุขที่แท้จริงที่ตัวเองต้องการคืออะไร แต่กลับเอาตา ความคิด ความรู้สึกและจิตใจไปมุ่งอยู่กับสิ่งแวดล้อมหรือคนรอบข้างว่าคนรอบข้างจะมองเราอย่างไร ดังนั้น เป้าหมายในชีวิตจึงมิใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นเพื่อคนอื่น

โดยปกติแล้วเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะบอกกับตัวเองว่าในอดีตไม่ควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกวันนี้เราต้องทำนั่นนี่และอนาคตต้องเป็นเช่นนี้ แต่เรากลับดำเนินชีวิตอย่างที่คนอื่นบอกให้เป็นหรือบอกให้ทำ บ่อยครั้งช่วงเวลาที่ความคิดและจิตใจหวนคิดไปถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นคง ผิดหวังและว่างเปล่า ส่งผลทำให้เครียดและกดดันและคาดหวังถึงสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต และเมื่อเรารู้สึกว่าเราเป็นแบบนี้ขึ้นเมื่อใดนั่นแสดงว่าถึงเวลาที่เราจะต้อง “ตั้งสติ” เสียที

การมีสติ คือการตระหนักรู้ถึงสภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถแยกแยะและตอบสนองต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบตัวเราได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้สติจะมีอยู่ในตัวเราแต่ก็ต้องการการฝึกฝนเพื่อนำมาใช้ได้ถูกที่ถูกเวลา และเกิดประโยชน์สูงสุดในการนำไปปรับใช้ได้กับทุกกิจกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางความคิดและจิตใจแล้ว ยังสามารถส่งเสริมสุขภาพและมีความสุขในการดำเนินชีวิตที่ดีให้กับเราทุกคนได้ โดยมีวิธีการฝึกฝนง่ายๆ ในแต่ละกิจวัตรประจำวัน ดังนี้

1.ตื่นนอน การฝึกสติสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วินาทีแรกของการตื่นนอน เพื่อให้ช่วงเวลาที่เหลือของวันเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถตั้งหลักให้ตัวเองไม่ฟุ้งไปกับสิ่งเร้ารอบตัวที่กำลังจะต้องพบเจอ โดยใช้โอกาสที่นอนบนที่นอนอยู่แล้วนี้ทำการสำรวจร่างกาย (Body Scan) โดยการนอนหงายราบเหยียดตัวตรงให้ศีรษะ แผ่นหลัง ท่อนแขน ฝ่ามือ สะโพก ท่อนขาและส้นเท้าได้สัมผัสกับพื้นที่นอน กำหนดจังหวะลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ รับรู้ถึงสัมผัสความอบอุ่นของร่างกายทุกส่วนที่แนบไปกับพื้นผิวที่นอน หลับตาและปล่อยใจรับฟังเสียงเบาๆรอบตัว ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเป็นประจำก่อนลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อทำกิจวัตรประจำวันอื่นๆ

2.รับประทานอาหาร มื้ออาหารแต่ละมื้อล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกาย แต่เรามักขาดความใส่ใจในการรับประทานอาหารโดยทำให้แค่เสร็จๆไป บางครั้งเรารับประทานอาหารไปพร้อมกับการทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น พูดคุยกับเพื่อนๆ จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้ขาดโอกาสในการใช้ประสาทสัมผัสรับรู้รูป รส กลิ่น และการมองเห็นไป ตรงกันข้าม หากเราให้ความใส่ใจกับสีสันหน้าตาและกลิ่นของอาหาร จดจ่ออยู่กับการรับรู้รสชาติอาหารในมื้อนั้นๆ ยิ่งทำให้เรารู้สึกถึงความพอใจ มีพละกำลังและความสุขที่จะทำกิจกรรมอื่นๆได้ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของวันได้อย่างเต็มที่

3.ทำงาน ก่อนเริ่มการทำงานใดๆ เราควรให้เวลาประมาณ 5 นาทีกับการตั้งสติด้วยการนั่งผ่อนคลาย กำหนดลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ ต่อจากนั้นให้กำหนดจุดมุ่งหมายว่าเรากำลังจะทำงานอะไรให้สำเร็จบ้างในช่วงเวลาต่อจากนี้ เมื่อทำงานมาเป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดฟุ้งออกไปจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ ให้ใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายอิริยาบทและตั้งสติกลับมา ซึ่งทำได้โดยการลุกขึ้นเดินไปช้าๆ ให้ความสนใจกับท่วงท่าและการเคลื่อนไหวในแต่ละก้าวเดิน หรือเลือกมองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างหรือระเบียงไปยังต้นไม้ สนามหญ้า พิจารณาสีสัน รูปร่าง และการเคลื่อนไหวช้าๆของต้นไม้ตามแรงลม สามารถช่วยให้เราตั้งสติกลับมาจดจ่อกับงานที่ทำได้ดีขึ้น

4.ทำกิจกรรมต่างๆ การฝึกสตินั้นจำเป็นต้องเชื่อมโยงความคิดและจิตใจเข้ากับประสาทสัมผัสทั้งหลายของร่างกายคนเรา การได้กลิ่นหอมของดอกไม้ สัมผัสสายลมและอากาศสดชื่นของภูเขา ได้ยินเสียงคลื่นกระทบชายหาด สีสันของเทศกาลรื่นเริงล้วนมีส่วนสำคัญที่ทำให้จิตใจและความคิดผ่อนคลายสามารถจดจ่อทำสิ่งต่างๆได้ดีและต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในช่วงวันหยุดว่างเว้นจากการทำงาน เราจึงควรเดินทางไปพักผ่อนยังสถานที่และเส้นทางใหม่ๆ พบเจอคนและกิจกรรมใหม่ๆเสมอ นอกจากนี้ การได้ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทำอาหาร เล่นดนตรี วาดรูป เขียนหนังสือ หรือจัดสวนตกแต่งบ้าน ยังช่วยให้จิตใจเราเบิกบานและมีความสุข ลดโอกาสเหม่อลอยคิดกังวลถึงสิ่งอื่นที่ไม่สำคัญในชีวิตได้

5.ทบทวนตัวเอง เรามักปล่อยใจไปตามความคิดและอารมณ์ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเราเลย เช่น เมื่อมีคนมาทำไม่ดีกับเรา ด้วยอารมณ์โกรธเราจึงทำสิ่งไม่ดีตอบโต้ไปโดยไม่รู้ตัว หากเพียงเรามีสติรู้ตัวสามารถแยกแยะความคิดและอารมณ์ออกไปได้ก็จะไม่ถูกนำพาไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้ เราสามารถฝึกให้รู้เท่าทันความคิดและอารมณ์ได้โดยก่อนนอนให้นั่งผ่อนคลายเพื่อกำหนดลมหายใจเข้า-ออกเป็นจังหวะตามธรรมชาติ พิจารณาและยอมรับว่าตัวเองอยู่ ณ จุดใด ปล่อยวางและพิจารณาถึงความรักให้แก่ผู้อื่นเสมอ จะทำให้นอนหลับสบาย พักผ่อนได้อย่างเพียงพอ พร้อมที่จะมีสติดำเนินชีวิตในวันต่อไป

หากปีที่ผ่านมาเรามักเหม่อลอย ขาดความสนใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่ มักคิดย้อนกลับไปถึงแต่เรื่องราวในอดีตหรือคาดหวังแต่เรื่องที่จะเกิดในอนาคตไปเรื่อยๆ ให้รู้ว่าเราไม่สามารถแก้ไขอดีตหรือควบคุมอนาคตได้ แต่เราสามารถมีความสุขกับการตั้งหลักทำปัจจุบันนี้ให้ดีได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพาตัวเองกลับมาอยู่กับตัวเองในวันนี้ ด้วยการฝึกให้มีสติเพื่อชีวิตที่ดีรับปีใหม่

8 January 2562

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana

Views, 4041

 

Preset Colors