02 149 5555 ถึง 60

 

“วิกฤติสุขภาพจิต” “พิษ” ที่มากกว่า “ปัญหาใจ”

“วิกฤติสุขภาพจิต” “พิษ” ที่มากกว่า “ปัญหาใจ”

ข่าวคราวเรื่องคนฆ่าหมา แมว หรือไล่ล่าสัตว์ป่าอย่างไร้เมตตา ปรานี นอกเหนือจากด้านคดีความที่จะต้องดำเนินแล้ว หากนำพวกคนเหล่านี้มา “ตรวจสอบ” ด้าน “สภาวะทางจิต” กัน ก็เชื่อแน่ว่า จะพบว่า คนพวกนี้ “จิตคงไม่ปกติ” ไม่มากก็น้อย

ทั้งนี้ เพราะคนที่มีสภาพจิตปกติดี ไม่มีใครเขาทำกัน

โดยนอกจากด้านคดีความที่จะต้องถูกดำเนินตามกฎหมายกระบิลเมืองให้สมกับโทษานุโทษแล้ว ก็สมควรที่จะนำตัวคนพวกนี้มาเข้ารับการรักษาบำบัดทางจิตให้มีใจเป็น “มนุษย์” เฉกเช่นดั่งคนปกติทั่วไปด้วย

และเมื่อว่ากันถึงเรื่องปัญหาสุขภาพจิตกันแล้ว ทางหน่วงาน องค์การด้านสุขภาพระหว่างประเทศ ล้วนต่างแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ ถึงขนาดเรียกขานให้เป็นสภาวะ “วิกฤติ” เพราะมีพิษแผลงฤทธิ์ร้ายแรงยิ่งกว่าคำว่า “ปัญหา” กันเลยทีเดียว

เรียกขานไม่เรียกขานเปล่า ทว่า เหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ สาธารณสุข และประสาทวิทยา จำนวนเกือบ 30 คน จากสถาบันต่างๆ ทั้งในด้านการรักษา และการศึกษาเรื่องสุขภาพจิตนี้ เช่น จากคณะแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา เป็นตัวรวมตัวกันจัดประชุมเพื่อระดมสมองหาแนวทางต่อสู้กับวิกฤติสุขภาพจิตที่บังเกิดขึ้น ซึ่งการประชุมมีขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ร่วมกับเหล่าคณะรัฐมนตรีด้านสุขภาพจิต โดยถือเป็นครั้งแรกที่วิกฤติสุขภาพจิต ซึ่งกำลังเป็นที่ห่วงกังวลกัน ถูกหยิบยกขึ้นเวทีการประชุมครั้งดังกล่าวด้วย

โดยก่อนการประชุม ก็ได้มีนำเสนอรายงาน อันเป็นผลการศึกษาวิจัยจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ข้างต้น ซึ่งได้มีการตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ “เดอะ แลนเซ็ต” เป็นแนวทางการประชุมที่จะมีขึ้นข้างต้นกันด้วย

ในรายงานดังกล่าว ก็ระบุว่า ในทุกๆ ประเทศทั่วโลก ล้วนกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติสุขภาพจิตกันทั้งสิ้น โดยมีจำนวนผู้มีปัญหาสุขภาพจิต คือ ผู้ป่วยโรคจิตเพิ่มขึ้นกันทั้งนั้น

โดย ศ.วิกรม ปาเตล แห่งคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวในรายงานว่า สถานการณ์ที่เพิ่มขึ้นของจำนวนผู้มีปัญหาสุขภาพจิตน่าวิตกกังวลยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ที่ประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ล้วนมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง ท่ามกลางสภาพที่ผู้คนของประเทศต่างๆ กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เช่นเดียวกับที่เด็กๆ ก็กำลังย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาวจำนวนมากขึ้น แต่ทว่า หาได้มีประเทศไหนไม่ ที่จะลงทุนระดมงบประมาณ เพื่อเตรียมการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตของประชาชนคนในชาติกันอย่างเพียงพอ

ศาสตราจารย์แห่งคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังย้ำทิ้งท้ายว่า ไม่มีปัญหาสุขภาพใดๆ ของมนุษยชาติที่ถูกละเลย โดยเฉพาะทางการ มากเท่ากับปัญหาสุขภาพจิตของมนุษย์เรา ก่อนติงเตือนด้วยว่า หากปล่อยปละละเลยเอาไว้เยี่ยงนี้ วิกฤติจากปัญหาสุขภาพจิตของมนุษย์เรา ก็จะสร้างความเสียหายในทางเศรษฐกิจราว 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีกกว่าทศวรรษข้างหน้า หรือราวปี 2573

พูดง่ายๆ ก็คือ ทางการของหลายประเทศ ยังไม่เห็นความสำคัญในการจัดการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตของประชาชน นั่นเอง พร้อมสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่มนุษย์เราเอง

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ทั่วโลกมีจำนวนผู้มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มสูงขึ้นแทบจะทุกชนิดประเภทนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาการวิตกกังวลเกินเหตุ ภาวะซึมเศร้า และจิตเภท นอกจากมาจากปัญหาเฉพาะส่วนบุคคล เช่น พันธุกรรม และความเข้มแข็งของสภาพจิตใจของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากันแล้ว ก็ยังมีสาเหตุที่มาจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกด้วย โดยทาง “เดอะ แลนเซ็ต” ระบุว่า มีทั้งการถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยว ถูกจำคุก ถูกทรมาน หรือถูกกระทำทารุณกรรมและยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่แทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นสาเหตุได้ นั่นก็คือ การถูกละเมิดสิทธิมนุษชน

พร้อมกันนี้ ทาง “เดอะ แลนเซ็ต” โดย “นายริชาร์ด ฮอร์ตัน” ในฐานะ “หัวหน้าบรรณาธิการของทางวารสารฯ ได้แนะนำถึงวิธีการบำบัดรักษาด้วยว่า นอกจากการรักษาพยาบาลทั่วๆไปตามความเหมาะสมแล้ว ก็ยังจะเพิ่มวิธีการบำบัดในแนวทางของ “สิทธิมนุษยชน” เข้าไปร่วมด้วย นั่นคือ การให้ผู้มีปัญหาสุขภาพจิต ไม่ถูกปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยให้เสมือนหนึ่งว่า ได้ความเคารพด้านสิทธิมนุษยชนเฉกเช่นประชาชนคนปกติทั่วไปด้วย นอกจากนี้ ก็ยังช่วยในเรื่องจัดหางานให้ทำ สำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพจิตที่สืบเนื่องจากการตกงานไม่มีงานทำ หรือการให้การศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาจนมีปัญหาด้านสุขภาพจิตของตนเองไป เป็นต้น

ใช่แต่เท่านั้น ทางคณะผู้เชี่ยวชาญของ “เดอะ แลนเซ็ต” ยังได้แนะนำให้ปรับการใช้ปฏิสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนของผู้มีปัญหาสุขภาพจิต เข้ามารักษาอย่างที่เรียกว่า “การบำบัดรักษาด้วยจิตสังคม” ด้วยการให้เพื่อน ครูอาจารย์ และชุมชนที่ผู้ป่วยพำนักอาศัยอยู่ หรือแม้กระทั่งนักบวชในแต่ละศาสนาที่ผู้ป่วยนับถือ เข้ามาช่วยบำบัดรักษาด้วย ร่วมกับการบำบัดรักษาทางการแพทย์ทั่วไป ก็อาจทำให้การบำบัดรักษาได้ผลดีขึ้น

สำหรับ ตัวเลขของผู้มีปัญหาสุขภาพจิตทั่วโลกในปัจจุบัน ทาง “องค์การอนามัยโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอชโอ” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ฮู” เปิดเผยตัวเลขของผู้มีปัญหาสุขภาพจิตแบบแยกย่อยแต่ละชนิดว่า มีจำนวนรวมแล้วกว่า 433 ล้านคนทั่วโลก โดยแบ่งเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จำนวนราวกว่า 300 ล้านคน โรคสมองเสื่อม หรือความจำเสื่อม กว่า 50 ล้านคน โรคจิตเภท 23 ล้านคน และโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder)” จำนวนกว่า 60 ล้านคน

30 October 2561

ที่มา สยามรัฐ

Posted By ์์Nitayaporn/Bungon/Kanchana

Views, 1260

 

Preset Colors