02 149 5555 ถึง 60

 

อย่าเอาชีวิตลูกไปเป็นเดิมพันเลย!

อย่าเอาชีวิตลูกไปเป็นเดิมพันเลย!

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาปิดเทอม หรือช่วงเวลาที่มีวันหยุดต่อเนื่องกันหลายวัน มักจะทำให้คนเป็นพ่อแม่ที่ทำงานนอกบ้านแล้วมีลูกอยู่ในวัยซนทั้งหลายอาจจะคับข้องใจ เพราะไม่รู้จะให้ลูกอยู่กับใคร จะพาไปที่ทำงานก็ไม่ได้ พาไปฝากคนอื่นก็ไม่สะดวก จะฝากเนอร์สเซอรี่หรือพาไปเรียนพิเศษก็ไม่สามารถ สุดท้ายเลยเลือกหนทางปล่อยให้ลูกอยู่บ้านโดยลำพัง บางคนมีลูกหลายคนก็ใช้วิธีให้คนโตดูแลน้อง และใช้วิธีให้อยู่แต่ในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหน

ใครที่เข้าข่ายดังกล่าวข้างต้น ขอบอกเลยว่าเป็นวิธีการที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ขอให้ท่องไว้เลยว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่โดยลำพังเด็ดขาด หรือมีพี่น้อง ก็ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่กันเอง แม้คุณจะคิดว่าอยู่ในบ้านไม่เป็นไรหรอก ลูกรู้เรื่องแล้ว ก็เลยเตรียมการเรื่องอาหารการกิน และสั่งลูกไว้นักหนาว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่ควรทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าจะไม่เกิดอันตรายต่อลูกแต่อย่างใด

เพราะเด็กเล็กยังไม่ควรถูกปล่อยให้อยู่โดยลำพัง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แม้จะเพียงเวลาไม่นาน เพราะถ้าเกิดเหตุใด ๆ ขึ้นมา อาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมได้ และสุดท้ายพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าลืมว่าเราต้องอยู่กับความรู้สึกผิดไปอีกนานแสนนาน

เรื่องความปลอดภัยในเด็กเป็นเรื่องสำคัญมาก

สถานที่ที่เด็กถูกปล่อยให้อยู่ลำพังหรืออยู่กันเองมักจะประสบอุบัติเหตุ ได้แก่

หนึ่ง - ในบ้าน

ในที่นี้รวมไปถึงที่อยู่อาศัยทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ ฯลฯ เพราะถึงแม้เด็กจะอยู่ภายในบ้านอย่างเดียว แต่อย่าลืมว่าเด็กก็ยังคิดแบบเด็ก ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนอันตรายหรือไม่ แม้พ่อแม่อาจจะสอนสั่งเอาไว้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นเรื่องจำเป็น ในขณะที่เด็กเองยังไม่สามารถจัดการปัญหาได้ หรือบางพื้นที่ที่อาจจะชำรุด แต่เด็กไม่รู้ หรือแม้แต่การเลียนแบบพฤติกรรมบางอย่างที่เห็นตามสื่อ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านหรืออาคารสูงที่มีระเบียง ต้องถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้เด็กเข้าไปเด็ดขาด ซึ่งแม้ผู้ใหญ่จะบอกเด็ก แต่เวลาที่ผู้ใหญ่ไม่อยู่ เด็กมักจะไปในสถานที่ที่ผู้ใหญ่ห้ามเสมอ

สอง - บริเวณรอบบ้านหรือชุมชน

บริเวณรอบบ้านมีความสำคัญมาก หรือแม้แต่แหล่งชุมชนต่าง ๆ ที่เด็กอาจจะคุ้นเคย และไปวิ่งเล่นเป็นประจำ พ่อแม่ก็ไม่ทันระวังเพราะคิดว่าลูกก็วิ่งเล่นเป็นประจำอยู่แล้ว คงไปเล่นกับเด็กแถวบ้าน โดยหารู้ไม่ว่า อาจจะมีพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เช่น แหล่งน้ำ ที่รกร้างอาจมีสัตว์มีพิษ หรือแม้แต่คนแปลกหน้า ก็เป็นข่าวคราวอันตรายอยู่บ่อย ๆ

สาม - ในรถยนต์

เรื่องปล่อยให้เด็กอยู่ในรถยนต์เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง เป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ใหญ่ชนิดไม่น่าให้อภัย เพราะกรณีที่สตาร์ทรถไว้ เด็กอาจจะเผลอไปกดอุปกรณ์ หรือเลียนแบบพ่อแม่จากที่เขาเคยเห็นเวลาขับรถ แล้วอยากทำตามบ้าง หรือกรณีที่ปล่อยให้เด็กหลับอยู่ในรถ แล้วตัวเองลงไปทำธุระ สุดท้ายเด็กเสียชีวิต ก็มีหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว

สี่ - ในน้ำ

สาเหตุจากการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กไทย โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมก็คือ อุบัติเหตุทางน้ำ เด็กจมน้ำเสียชีวิต ทั้งในสระน้ำ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ แม้เด็กอาจจะว่ายน้ำเป็นแล้ว ก็อย่าประมาท เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ เช่น เล่นคึกคะนอง หรือยังว่ายน้ำไม่แข็ง หรือสำลักน้ำ และเมื่อเกิดเหตุ เขายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ห้า - ท้องถนน

มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่วิ่งเล่นอยู่แถวบ้าน แต่บ้านอาจอยู่ติดถนนใหญ่ หรือแม้แต่ในตรอกซอกซอย ก็เต็มไปด้วยรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์มากมาย และเด็กเล็กมักจะวิ่งพรวดพราดได้ ฉะนั้น คนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และเด็กต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลา เพราะเด็กตกเป็นเหยื่ออุบัติเหตุบนท้องถนนเสมอ

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาจะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มาก ถ้าเกิดกรณีเหล่านี้ พ่อแม่ถือว่ากระทำความผิด กรณีที่สหรัฐอเมริกา บางรัฐเข้มมาก ถ้าพ่อแม่ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว หากมีคนแจ้งตำรวจ พ่อแม่จะโดนจับ ขึ้นศาล ลูกอาจจะถูกยึดไปอยู่ในความคุ้มครอง เพราะถือว่าเด็กอยู่ในอันตราย

กตัวอย่าง รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ถ้าเด็กอายุต่ำกว่าเจ็ดปี พ่อแม่ไม่สามารถทิ้งลูกให้อยู่บ้านโดยลำพัง กรณีที่อายุ 8-10 ปีอยู่เองได้แค่ครึ่งชม.ในตอนกลางวัน ถ้าอายุ 11-12 ปี อยู่คนเดียวได้ไม่เกินสามชม. ส่วนอายุ13-15 ปี อยู่ได้ทั้งวันและตอนเย็น แต่ห้ามข้ามคืน ถ้า 16 ปี ขึ้นไปถึงอยู่คนเดียวได้ แต่ห้ามทิ้งเด็กเล็กไว้กับเด็กที่ต่ำกว่า 15 ปี เพราะเขาถือว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นเด็กจะไม่สามารถรับผิดชอบน้องได้

ความปลอดภัยของพลเมืองเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ของประเทศที่พัฒนาแล้ว ฉะนั้น เขาจึงมีมาตรการต่าง ๆ มากมายเพื่อคุ้มครองสิทธิ และสร้างเกราะคุ้มกันชีวิตเรื่องความปลอดภัยให้กับคนในชาติของเขาได้ในระดับสำคัญ โดยเฉพาะในเด็ก

และความปลอดภัยในเด็กก็ต้องเริ่มต้นที่ครอบครัว

พ่อแม่ต้องมีกระบวนการในการสร้างความปลอดภัยเสมอ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด หรือทำกิจกรรมกับเด็กต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และเมื่อโตขึ้นก็ค่อย ๆ ปลูกฝังในชีวิตประจำวัน แล้วสิ่งเหล่านี้ก็จะซึมซับไปสู่เด็กเมื่อโตขึ้น เวลาเด็กทำอะไรก็จะคำนึงถึงความปลอดภัยเช่นเดียวกัน

เรื่องสภาพแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่ตามมาติด ๆ ปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีภาวะความเสี่ยงภัยสูง

โดยธรรมชาติของเด็ก เป็นวัยอยากรู้ อยากลอง อยากเห็น อยากเล่นและอยากเลียนแบบ โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอันตรายต่อตัวเองหรือไม่ ดังนั้นผู้ใหญ่ต้องเป็นฝ่ายระมัดระวัง

และต้องพึงระลึกเสมอว่า ต้องไม่ปล่อยให้เด็กเล็กอยู่โดยลำพังในทุกสถานที่ แม้จะเป็นเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม ต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการแก้ปัญหาใหม่

ประการแรก - คุณไปไหนลูกไปด้วย

พยายามพาลูกไปทำธุระด้วยทุกที่ อย่าคิดว่าลูกเบื่อหรือไม่อยากไป แต่ให้คิดว่าจำเป็นต้องไป และให้ลูกถือเป็นภารกิจว่าเขาจะต้องไม่อยู่คนเดียว แต่ต้องไปกับพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ด้วยทุกครั้ง

ประการที่สอง - ร้องขอความช่วยเหลือ

ควรร้องขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือเมื่อถึงคราวที่พ่อแม่ต้องไปทำธุระที่จำเป็นจริงๆ อาจขอให้พี่น้อง พี่ป้าน้าอา มาช่วยดูแลลูกหรือพาไปฝากบ้างเพียงชั่วครั้งชั่วคราว

ประการที่สาม - สร้างเครือข่าย

พยายามสร้างเครือข่ายครอบครัวเพื่อนลูก เช่น เพื่อนแถวบ้าน เพื่อนพ่อแม่ของเพื่อนลูก เพื่อนที่ทำงาน ฯลฯ ที่สามารถเชื่อมโยงและช่วยเหลือกันได้ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในยุคนี้

ปัญหาทุกเรื่องมีทางออกเสมอ แต่อย่าเอาความเสี่ยงในชีวิตของลูกไปเดิมพันเลยค่ะ

2 May 2561

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By sty_lib

Views, 1584

 

Preset Colors