02 149 5555 ถึง 60

 

“หมอสมนึก” ยันคลินิกไม่มีขาย “น้ำมันกัญชา” รักษามะเร็ง บอกคนป่วยทำ-ใช้กันเอง

“หมอสมนึก” ยันคลินิกไม่มีขาย “น้ำมันกัญชา” รักษามะเร็ง บอกคนป่วยทำ-ใช้กันเอง

“บิ๊กจิน” ย้ำรัฐบาลพร้อมหนุนวิจัย “กัญชา” ใช้ทางการแพทย์ แต่ต้องทำอย่างมีขั้นตอน มีมาตรการป้องกันเล็ดลอดทำยาเสพติด ยันยังไม่เดินหน้าเพาะปลูกกัญชา เหตุยังไมมีมาตรการป้องกันรองรับ ด้าน “หมอสมนึก” ยันคลินิกไม่มกีารขายน้ำมันกัญชารักษามะเร็ง โยนผู้ป่วยใช้กันเอง ตนแค่ช่วยวิจัยประสิทธิผล

วันนี้ (8 ก.พ.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การวิจัยและพัฒนาสารสกัดกัญชาทางการแพทย์เพื่อการพัฒนาประเทศ” ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีพืชยาเสพติดหลายตัวที่มีทั้งประโยชน์และโทษ สามารถนำไปวิจัยต่อยอดได้ เช่น กัญชงและกัญชา เป็นต้น ซึ่งอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลพร้อมสนับสนุน แต่ต้องมีการศึกษาวิจัยตามหลักวิชาการให้ได้องค์ความรู้ เกิดเป็นเทคโนโลยี และนำสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้สำเร็จ อย่างกัญชาตนติดใจมานานว่าเมื่อไรจะมีการสังคายนา มีการศึกษาวิจัย ซึ่งการประชุมวิชาการในวันนี้ถือเป็นการตั้งต้นที่ดี หากสำเร็จน่าจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้มาก ซึ่งปัจจุบันนำเข้ายาจากต่างประเทศปีละกว่า 1.6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม การศึกษาต้องวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน สิ่งสำคัญคือต้องอยู่บน 3 มาตรการ คือ 1. มาตรการการวิจัย 2. มาตรการควบคุมกัญชาตั้งแต่พื้นที่ปลูก การเก็บไปวิจัย การทำวิจัยในห้องแล็บไม่ให้มีการเล็ดลอดออกไป และ 3. มาตรการทางกฎหมาย ที่อยู่ระหว่างการปรับแก้เพื่อรองรับการศึกษาวิจัยอยู่ในชั้นกฤษฎีกา ที่ย้ำคือต้องป้องกันการนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดชนิดอื่นๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงพื้นที่เพาะปลูกกัญชาจะเดินหน้าเมื่อไร พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ยังไม่ได้เป็นข้อสรุป เป็นเพียงข้อเสนอหนึ่งเท่านั้นที่อาจจะไม่สอดรับช่วงเวลา เพราะมาตรการต่างๆ ยังไม่ชัดเจน ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงการเพาะปลูก ซึ่งการประชุมวันนี้ก็จะไม่มีการพูดหรือเสนอเรื่องนี้ ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการลงไปดูพื้นที่เตรียมการเพาะปลูกวันที่ 10 ก.พ. ตนไม่แน่ใจ แต่ไม่น่าจะมี ส่วนว่ายิ่งล้าจะยิ่งเสียโอกาสนั้น ถามว่าที่ผ่านมาก็ผ่านมากี่ปีแล้ว ถ้าจะช้าไปอีก 3 - 4 เดือน ก็ดีกว่าเสี่ยงทำอะไรตอนนี้

ด้าน ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ตอนนี้มีบางหน่วยงานที่ขออนุญาตศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากกัญชาไปแล้ว ส่วนการประวันชุมในครั้งนี้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา จากนั้นจะสรุปข้อเสนอแนะว่าจะมีการเดินหน้าศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างไร เบื้องต้นมีการใช้กัญชาทางการแพทย์ในหลายๆ ประเทศ ในบางกลุ่มโรคแล้ว อาทิ ใช้เพื่อการลดปวดจากการรักษาโรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน เป็นต้น

นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวคลินิกตนเองมีการใช้น้ำมันกัญชารักษาผู้ป่วยมะเร็ง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าผิดกฎหมาย ว่า คลินิกตนไม่มีการจำหน่ายน้ำมันกัญชา ส่วนการใช้น้ำมันกัญชาเป็นการใช้ของชมรมผู้ป่วยโรคมะเร็งกันเอง สกัดกันเองด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งทราบว่าทางชมรมผู้ป่วยฯ เคยทำหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขออนุญาตใช้ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต แต่ผู้ป่วยนำมาใช้กันเอง เพราะมีการเสียชีวิตจากมะเร็งจำนวนมาก ตนในฐานะนักวิจัยเมื่อทราบจึงได้ไปเก็บข้อมูลว่าจริงหรือไม่ ก็เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง แต่ทุกอย่างต้องรอ พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ที่กำลังแก้ไขอยู่

นพ.สมนึก กล่าวว่า กัญชาในประเทศไทยเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยใช้ประมาณ 200 - 500 กรัม โทษคงไม่ถึงขั้นการค้ากัญชา ที่ต้องครอบครองกว่า 10 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยถือว่าน่าสงสารมาก บางรายมารักษาก็ใส่สายสวนที่จมูก หากมีการจับก็ไม่รู้ว่าจะจับผู้ป่วยไปทำไม สำหรับปริมาณโดสในการใช้น้ำมันกัญชาจะใช้ตามกำลังธาตุ เริ่มจากน้อยไปหามาก เท่าที่สังเกตผู้ป่วยจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณเองขึ้นอยู่กับกำลังธาตุ ทั้งนี้ ยืนยันว่า คลินิกไม่ได้มีการเปิดขายน้ำมันกัญชา ตนเป็นนักวิจัยก็แค่เข้ามาช่วยดูผลจากการใช้ให้ผู้ป่วยเท่านั้น เพราะเห็นกับหลักมนุษยธรรมที่ต้องมาก่อน ไม่ใช่รักษาเพราะต้องรอกฎหมายก่อน ส่วนการใช้นั้นน่าจะเป็นการบอกต่อกันในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเองไม่เกี่ยวกับตน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลว่า อาจถูกตรวจสอบหรือไม่ นพ.สมนึก กล่าวว่า วันนี้ตนได้ประชุมหารือกลุ่มนักวิจัย และผู้แทนจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อภ. และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งทางพล.อ.อ.ประจิน ก็มาเปิดประชุมวิชาการเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็พูดว่าทุกอย่างต้องถูกกฎหมาย ซึ่งการศึกษาวิจัยช่วยผู้ป่วยมะเร็งก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ต้องดำเนินการ

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เคยมีการอนุญาตให้นำกัญชาหรือน้ำมันกัญชามาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เพราะกัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผู้นำเข้า ผลิต หรือส่งออกจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 - 15 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 - 1,500,000 บาท หากครอบครองจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจากนี้ อย.จะมีการไปตรวจสอบ กรณีการใช้น้ำมันกัญชาให้แน่ชัดว่ามีที่มาจากแหล่งใด และขอยืนยันว่าไม่มีการอนุญาตให้ใช้กัญชา เนื่องจากทางการแพทย์มีการใช้ยาตัวอื่นที่มีสรรพคุณคล้ายกัญชา และให้ผลคล้ายกันใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งอยู่แล้ว และที่สำคัญคือ ยาดังกล่าวสามารถใช้ได้อย่างถูกกฎหมายอีกด้วย

9 February 2561

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By sty_lib

Views, 3917

 

Preset Colors