02 149 5555 ถึง 60

 

กรมแพทย์แผนไทยแจง “หมอแสง” ยังไม่เป็น “หมอพื้นบ้าน” ชี้ยังขาดหลักฐาน 2 อย่าง

กรมแพทย์แผนไทยแจง “หมอแสง” ยังไม่เป็น “หมอพื้นบ้าน” ชี้ยังขาดหลักฐาน 2 อย่าง

กรมแพทย์แผนไทย แจงยังไม่ได้รับรอง “หมอแสง” เป็นหมอพื้นบ้าน ชี้หนังสือตอบกลับแค่ระบุว่าเห็นควร แต่ยังต้องส่งหลักฐานเพิ่มเติมก่อนออกใบรับรอง ระบุเกณฑ์พิจารณาหมอพื้นบ้านดูจากพฤติกรรม ไม่ได้เป็นการรับรอง “ยา” ที่ใช้ ยังต้องวิจัยร่วมต่อ ขออย่าจับมาโยงกัน ย้ำหมอพื้นบ้านห้ามทำเชิงพาณิชย์ จ่อถูกถอนใบรับรอง

จากกรณีมีการรายงานข่าวว่า นายแสงชัย แหเลิศตระกูล ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.ปราจีนบุรี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หมอแสง” ที่มีการแจกสมุนไพรช่วยผู้ป่วยมะเร็ง ได้รับการรับรองขึ้นเป็น “หมอพื้นบ้าน” นั้น

วันนี้ (5 ก.พ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวกรณีดังกล่าวว่า นายแสงชัยได้ทำหนังสือถึงตนเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2560 เพื่อยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน โดยส่งเอกสารการประเมินต่างๆ ของตนเองเข้ามา ซึ่งตัวนายแสงชัยคิดว่าตนเองเข้าเกณฑ์การเป็นหมอพื้นบ้าน จากการตรวจสอบของกรมฯ ก็พบว่านายแสงชัยเข้าข่ายเป็นหมอพื้นบ้าน แต่ยังขาดเอกสารหลักฐานบางอย่างอยู่ จึงทำหนังสือตอบกลับว่าเห็นควรเป็นหมอพื้นบ้าน แต่ขอให้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมก่อน แต่อาจมีการสื่อสารและเข้าใจผิดคิดว่าขึ้นทะเบียนแล้ว จริงๆ ยังไม่ได้มีการรับรอง เหมือนกับการสอบสัมภาษณ์ที่เห็นว่าเห็นควรผ่าน แต่ยังขาดหลักฐานขอให้ส่งเอกสารเพิ่มก่อนจึงค่อยประกาศว่าสอบผ่าน เป็นต้น โดยนายแสงชัยยังต้องส่งเอกสารที่เหลือเข้ามาให้พิจารณาก่อนจึงจะออกใบรับรองให้ว่าเป็นหมอพื้นบ้านต่อไป

“การรับรองการเป็นหมอพื้นบ้านนั้น เป็นการรับรองพฤติกรรมว่าเป็นแบบหมอพื้นบ้านจริง แต่ไม่ได้เป็นการรับรองตัวยาที่นายแสงชัยใช้ จึงไม่เกี่ยวข้องกัน หรือนำมาพิจารณาว่าจะต้องรักษาหาย จึงมีผลในการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน เรื่องการวิจัยยาสมุนไพรที่นายแสงชัยใช้ขอให้เป็นอีกเรื่อง เบื้องต้นจะเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่มารับยา 1,200 คน ขณะนี้ก็เก็บได้ครบแล้ว เหลือรอประมวลผล และรอผลการทดลองของสถาบันมะเร็งแห่งชาติว่ามีฤทธิ์ต่อเซลล์มะเร็งตัวใด แต่เบื้องต้นจากข้อมูลผู้รับยา 600 คน พบว่า 80% รู้สึกดีขึ้น คือกินข้าวได้ นอนหลับได้ มีแรงปฏิบัติงานได้” นพ.เกียรติภูมิกล่าว และว่า ใบรับรองหมอพื้นบ้านมีอายุ 4 ปี อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการรับรองเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว หากกระทำผิด เช่น ทำในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น ก็อาจเพิกถอนการรับรองได้

นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า หลักเกณฑ์ในการคัดกรองหมอพื้นบ้านมี 8 เกณฑ์ ประกอบด้วย 1. มีผู้มารับบริการสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี ดูแลสุขภาพในชุมชน ไม่เร่ขายยา ไม่ดำเนินการในรูปแบบสถานพยาบาล 2. สืบทอดความรู้จากบรรพบุรุษหรือองค์ความรู้จากท้องถิ่น 3. มีความสามารถในการบำบัดโรค รู้จักโรค รู้จักยา รู้วิธีรักษา 4. ไม่หวงวิชา ถ่ายทอดวิชาด้วยความเมตตา 5. มีการถ่ายทอดความรู้ 6. ไม่เรียกร้องค่ารักษาเกินควร ไม่ดำเนินการเชิงธุรกิจหรือพาณิชย์ 7. เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน และ 8. มีคุณธรรม มีความเมตตา ช่วยเหลือชุมชน ซึ่งกรณีนายแสงชัยก็มีดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ มีคนมาใช้บริการเป็นหมื่นคน ทำต่อเนื่องมากว่า 10 ปี จากเอกสารต่างๆที่ส่งมาก็ถือว่าเข้าเกณฑ์ แต่ยังขาดเอกสารบางอย่าง

เมื่อถามว่านายแสงชัยยังขาดหลักฐานอะไรบ้าง ดร.ภญ.มณฑกา ธีรชัยสกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า หลักฐานที่นายแสงชัยต้องส่งเภิ่มมีอีก 2 อย่าง คือ การรับรองของคนในชุมชนจำนวน 10 คนขึ้นไป และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในการรับรอง สำหรับประเด็นการวิจัยยาสมุนไพรของนายแสงชัยนั้น เป็นการสำรวจความรู้สึกของผู้ป่วย โดยเบื้องต้นที่สำรวจจำนวน 600 รายเมื่อช่วง ธ.ค. 2560 - ม.ค. 2561 นั้น เป็นผู้ป่วยเก่าที่เคยรับยา 30% มีการสอบถามผลข้างเคียง ผลการรักษาตามความรู้สึกของผู้ป่วย ซึ่ง 80% ของผู้ป่วยที่รู้สึกดีขึ้นนั้น เป็นความรู้สึกของผู้ป่วยเอง แต่ไม่ได้มีเอกสารใดรองรับ

เมื่อถามถึงการวิจัยยาสมุนไพรจำเป็นต้องมีการเปิดสูตรเพิ่มเติมหรือไม่ และการยื่นเป็นหมอพื้นบ้านที่ต้องมีการเปิดเผยสูตรในการดูแลรักษา เป็นสูตรเดียวกับที่วิจัยหรือไม่ นพ.ปราโมทย์กล่าวว่า การวิจัยระยะแรกจะดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจหาการปนเปื้อนหรือความเป็นพิษ คนไปรับยารู้สึกอย่างไร และออกฤทธิ์ต่อเซลล์มะเร็งใด คาดว่าเดือนหน้าน่าจะทราบผลทั้งหมด และจึงมาพิจารณาต่อว่าควรจะพัฒนาอย่างไร เช่น หากมีผลต่อเซลล์มะเร็งปอด ก็อาจพัฒนาเป้นยารักษามะเร็งปอด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคงต้องเปิดเผยสูตรยาทั้งหมด หรือหากไม่มีผลต่อเซลล์มะเร็งก็อาจพัฒนาเป็นยาบำรุง หรือเป็นอาหารเสริม

ดร.ภญ.มณฑกากล่าวว่า ในเอกสารที่ต้องกรอกเพื่อขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน จะมีให้ระบุว่ามีความรู้เรื่องอะไร สูตรยาที่ใช้คืออะไร ซึ่งนายแสงชัยก็มีหลายสูตร สูตรที่บอกมาก็เพียงแต่ยกมาบางส่วนที่มีในตำรับ แต่ไม่ได้ระบุทั้งหมด ทั้งนี้ นายแสงชัยยื่นเอกสารแจ้งความเชี่ยวชาญมา 5 ด้าน เช่น ยาสั่ง ฝีในตับ เป็นต้น

เมื่อถามถึงสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ในการรักษามะเร็ง นางเสาวณีย์ กุลสมบูรณ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กล่าวว่า ตำรับรักษามะเร็งแต่ละชนิดจะมีตำรับต่างกัน ซึ่งเท่าที่รวบรวมสมุนไพรของหมอพื้นบ้านที่ใช้รักษามะเร็งจากคลังข้อมูลพบว่า ข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้ ส่วนใหญ่อยู่ในสูตรตำรับ แต่ไม่ได้อยู่ในทุกสูตร

6 February 2561

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By sty_lib

Views, 760

 

Preset Colors