ข่าวแจกกรมสุขภาพจิตเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

เรื่อง : กรมสุขภาพจิต ลงนามร่วมมือ ม.มหิดล พัฒนาระบบออนไลน์ในการให้ความรู้และคำปรึกษาด้านสุขภาพจิตแก่ประชาชน ยุค 4.0 ผ่านระบบแช็ตบอต (Chatbot) และเทคโนโลยีเอไอ (AI) ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างทันท่วงที

เปิดอ่าน: 2079

วันที่: 17 July 2563

วันนี้ (17 กรกฎาคม 2563) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่การระบาดในช่วงของคลื่นลูกที่ 4 (Combat 4th Wave of COVID-19 : C4) ซึ่งจากการระบาดที่ยาวนานนั้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ทำให้ประชาชนเกิดปัญหาสุขภาพจิตใน 4 ประเด็น ได้แก่ ภาวะเครียด (Stress) ภาวะเหนื่อยล้าหมดไฟ (Burnout) โรคซึมเศร้า (Depression) และการฆ่าตัวตาย (Suicide) ตามมาได้ โดยกรมสุขภาพจิต ได้ทำการสำรวจภาวะความเครียด พบว่า ประชาชนอาจเกิดความเครียดเพิ่มขึ้นและอาจเจ็บป่วยด้วยโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายมีแนวโน้มที่สูงขึ้น กรมสุขภาพจิตจึงได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาระบบออนไลน์ เพื่อการให้ความรู้และคำปรึกษาด้านสุขภาพจิตสำหรับประชาชน โดยเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เอไอ (AI) ในการระบุกลุ่มเสี่ยงผ่านการวิเคราะห์จากเสียงพูด ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงปัญหาซึมเศร้าหรือฆ่าตัวตาย ให้สามารถเข้าถึงบริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ทันท่วงที และสำหรับผู้ที่มีภาวะเครียด ภาวะเหนื่อยล้าหมดไฟ ก็สามารถเข้าถึงบริการให้การปรึกษาผ่านระบบตอบกลับอัตโนมัติแช็ตบอต (Chatbot) ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งสู่การเป็นองค์กรชั้นนำทางด้านสุขภาพจิตและจิตเวชศาสตร์ระดับชาติ ภาควิชาฯ จึงมีการบูรณาการด้านการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการทางจิตเวช เพื่อผลิตแพทย์ จิตแพทย์ และบุคลากรทางด้านสุขภาพจิต และเพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยการวิจัย และนวัตกรรมเพื่อเป็นต้นแบบหรือเป็นแนวทางในการพัฒนาความรู้ด้านสุขภาพจิตระดับประเทศ จึงได้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาระบบออนไลน์เพื่อการให้ความรู้และคำปรึกษาด้านสุขภาพจิตสำหรับประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์ในการร่วมมือ ดังนี้ 1. พัฒนาเนื้อหาสาระทางวิชาการ รูปแบบ และขั้นตอนวิธีเพื่อการตอบคำถามและให้ข้อมูลความรู้ทางสุขภาพจิตแก่ประชาชนผ่านระบบออนไลน์อัตโนมัติ และกึ่งอัตโนมัติ 2. พัฒนาแนวทางในการตรวจวิเคราะห์หาปัญหาทางสุขภาพจิต จากข้อมูลที่ผู้ใช้ระบบออนไลน์ป้อนเข้าสู่ระบบ เพื่อให้สามารถตรวจพบผู้ที่ควรได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากบุคลากรทางการแพทย์ ด้านแพทย์หญิงดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตทางโทรศัพท์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ซึ่งเป็นการให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการให้บริการทั้งหมด 12 คู่สาย โดยมีนักจิตวิทยาจำนวนประมาณ 30 คน ทำหน้าที่หมุนเวียนกันในการประเมินสภาวะทางจิตใจและช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งนี้ จากสถิติในปีที่ผ่านมา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 มีความต้องการขอรับบริการจากประชาชน ปีละ 800,000 ราย แต่สามารถประเมินช่วยเหลือเบื้องต้นได้จริงเพียง 70,000 ราย และมีผู้ที่ปัญหาซึมเศร้าประมาณ 5,000 ราย ส่งผลให้ไม่สามารถให้บริการให้กับผู้ที่ติดต่อขอรับบริการได้ครบทุกราย และจำเป็นต้องรีบเร่งในการจัดลำดับความสำคัญของผู้ที่โทรเข้ามารับบริการ ดังนั้น การพัฒนาระบบคัดกรองด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาระบบตอบกลับอัตโนมัติแช็ตบอต (Chatbot) จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการบริการสุขภาพจิตได้อย่างทันท่วงที